มาเลี้ยงเสือขายกันเถอะ ตัวละ 12.5 ล้าน!?!

มาเลี้ยงเสือขายกันเถอะ ตัวละ 12.5 ล้าน!?!

ถ้าเสือดำที่ “นายพราน” ยิง ตัวละ 12.5 ล้าบาทตามที่หน่วยงานรัฐประเมินไว้ รัฐบาลประยุทธ์ควรหันมาเลี้ยงเสือดำขายกันเถอะ

กรมอุทยานฯ เคยสรุปค่าเสียหายทางระบบนิเวศ 12.7 ล้านบาท... เสือดำมีอายุสูงสุดประมาณ 18 ปี ค่าเฉลี่ยอายุคือ 12 ปี เสือดำเพศเมียเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุประมาณ 2.5-3 ปี ในวงจรชีวิตหนึ่งจะให้ลูกได้ประมาณ 8 ตัว เสือดำที่ตายเป็นเพศเมีย อายุ 3-5 ปี ราคาซื้อขายทั่วไปประมาณ 2.55 ล้านบาท เมื่อเทียบเคียงกับโครงการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุกรรมเสือโคร่งเพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิดในธรรมชาติบริเวณพื้นที่กลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าแก่งกระจาน และกลุ่มป่าอนุรักษ์อื่นๆ ประจำปีงบประมาณ 2558 สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี ประกอบกับการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติของกรมอุทยานฯ มีอัตรารอดตายประมาณ 20% เมื่อคิดมูลค่าตั้งแต่เสือดำตัวเล็กๆ การฝึก ค่าอาหาร ยารักษาโรค เป็นเวลา 5 ปี กระทั่งปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ มีการสรุปความเสียหายของเสือดำ รวมทั้งสิ้น 12.75 ล้านบาท (https://bit.ly/2HDnlmx)

การคำนวณของกรมอุทยานฯ คงมีความผิดพลาด เชื่อถือไม่ได้หรือไม่ โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ :

1.ที่ว่าเสือดำเพศเมียที่ตายมีอายุ 3-5 ปี ราคาทั่วไปอยู่ที่ 2.55 ล้านบาทนั้น ในปี 2553 มีการซื้อขายซากเสือตัวใหญ่ในราคา 0.2 ล้านบาท (https://bit.ly/2H4aEQI) ในปี 2555 มีการซื้อขายเสืออายุ 2 ปีในราคา 0.6-1.0 ล้านบาท (https://bit.ly/2H4WCOx) ในปี 2559 มีการขายเสือในราคา 0.15 ล้านบาท ถ้าเป็นเพศผู้ราคาจะสูงกว่าคือ 0.2 ล้านบาท แต่ถ้าส่งถึงต่างประเทศราคาจะเพิ่มขึ้น 4 เท่า กลายเป็น 0.8 ล้านบาท (https://bit.ly/2H4uMGo) ปรากฏว่าไม่มีที่ไหนที่ราคาสูงถึง 2.55 ล้านเลย

2.การคำนวณไปถึง 12.7 ล้านบาท โดยเทียบเคียงกับค่าเลี้ยงดูนั้น ค่าเลี้ยงดูคงไม่สูงปานนั้นอย่างแน่นอน หากค่าเลี้ยงดูสูงเช่นนั้น คงอาจมีการทุจริตในการเลี้ยงดู ซึ่งควรได้รับการตรวจสอบ เพราะต้นทุนไม่น่าจะมีโอกาสสูงกว่าราคาตลาดอยู่แล้ว

3.ยิ่งกว่านั้นยังกรมอุทยานฯ ยังบอกว่า เสือตัวเมียสามารถออกลูกได้อีกมากนั้น เป็นการคำนวณที่ขาดฐานที่เป็นจริง เป็นเรื่องในอนาคต และลำพังเสือตัวเมียก็ไม่อาจออกลูกเองได้ และในท้องตลาดจริง เสือที่มีราคาแพงกว่าคือเสือตัวผู้ เพราะมีผู้นิยมรับประทานอวัยวะเพศของเสือ (แต่ก็เป็นความเชื่อที่ขาดฐานความจริงเช่นกัน)

4.ยิ่งบอกว่ามีความเสียหายต่อทางระบบนิเวศจากการสูญเสียสัตว์ ก็เป็นแค่การกล่าวอ้างลอยๆ แบบขู่ส่งเดช เพราะกรมอุทยานฯ เองก็บอกชัดว่าไม่มีผลงานวิจัยทางวิชาการรองรับ

5.ยิ่งถ้าคิดถึงค่าชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง (ทดแทนกันไม่ได้เลย) เช่น กรณีการชดใช้ค่าชีวิตแก่พี่น้องคนไทยเสื้อเหลืองและเสื้อแดง คนละ 7.5 ล้านบาท หรือการชดใช้ให้กับผู้เสียหายทางภาคใต้ ซึ่งได้รับน้อยกว่านี้ ก็ยังได้รับค่าความเสียหายน้อยกว่าเสือ 1 ตัว ดังนั้นการคำนวณแบบนี้จึงใช้ไม่ได้

การคำนวณที่ใช้ไม่ได้นี้แสดงถึงมาตรฐานการคิดและอคติที่อาจมีปัญหาต่อการมองประเด็นมิติทางสังคมเศรษฐกิจ การคำนวณแบบนี้อาจทำให้สังคมมองว่าเจ้าหน้าที่ในกรมอุทยานฯ นี้ เห็นค่าของสัตว์มากกว่าคนเสียอีก

ต่อกรณีนี้ ผมขอเสนอให้ทางราชการส่งเสริมให้มีการเพาะพันธุ์เสือเพื่อการค้า เพราะทุกวันนี้เสือถูกล่าเพราะมีราคาสูงผิดปกติ สวนเสือที่เลี้ยงเสือนั้น ก็ต้องแจ้งต่อกรมอุทยานฯ และต้องปล่อยให้เสือชราแก่ตาย เมื่อตายก็ต้องเผาทิ้งโดยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราส่งเสริมให้มีการเลี้ยงเสือ เพื่อขายส่งไปต่างประเทศ เสือในป่าก็คงไม่ถูกฆ่าตายหรือลักลอบล่าอย่างเช่นทุกวันนี้

ท่านทราบไหม เสือในป่าตัวหนึ่งมีพื้นที่หากินตั้ง 100 ตารางกิโลเมตร ถ้ายกพื้นที่กรุงเทพมหานครขนาด 1,568 ตารางกิโลเมตร คงให้เสืออยู่ได้แค่ 16 ตัวเท่านั้น แต่กรุงเทพมหานครมีคนอยู่ถึง 6 ล้าน ประเทศไทยที่มีพื้นที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร สามารถให้เสืออยู่ได้แค่ 5,132 ตัวเท่านั้น แต่คนไทยอยู่กันเกือบ 70 ล้านคนเข้าไปแล้ว แต่ในสหรัฐมีเสือเลี้ยง (ไม่ได้อยู่ในป่า) มากกว่า 5,000 ตัว เสือที่เราเห็นแข็งแรงกว่าคนเรามากมายนั้นมีอายุเพียง 16 ปีในป่า แต่ถ้าเลี้ยงไว้ในสวนสัตว์ (เปิด) ก็จะมีอายุได้ถึง 26-30 ปี (https://goo.gl/9ze1Nz)

มาเลี้ยงเสือขายอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพื่อหาเงินเข้าประเทศดีกว่า ปีหนึ่งมีป่าไม้ถูกทำลายนับล้านไร่ นำเงินกำไรมาช่วยรักษาป่า มาช่วยเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า มาช่วยคนจน คนเร่ร่อน ได้กุศลกว่ามหาศาล บางทีความคร่ำครึของกฎหมายและคนดูแลป่าที่คร่ำครึ อาจเป็นตัวทำลายสัตว์ป่าและชาติของเราเอง

 ท่านนายกฯ เรามาเลี้ยงเสือขายกันเถอะ