ไม่ใช่แค่ทวงคืนป่าแหว่ง แต่ต้องทวงคืนทั้งหมด

ไม่ใช่แค่ทวงคืนป่าแหว่ง แต่ต้องทวงคืนทั้งหมด

นั่งดูทีวีที่มีการรายงานการชุมนุมคัดค้านสร้างบ้านพักข้าราชการศาลยุติธรรมและตุลาการภาค 5 ที่เชียงใหม่ แล้วก็ดูข่าวหนังสือพิมพ์ออนไลน์ไปด้วย

 หลายสำนักข่าวรายงานตัวเลขผู้มาร่วมชุมนุมต่างกัน ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น พวกบอกว่าหลักหมื่นใช้วิธีถ่ายภาพแนวราบ ส่วนพวกบอกว่าหลักพันรู้สึกจะใช้เครื่องโดรนบินถ่ายมุมสูง เห็นแหว่งตรงไหนบ้าง เป็นเทคนิคการรายงานข่าว จะให้ดูยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยตามจริต แต่เท่าที่ดูน่าจะเป็นหลักพันเท่านั้น เพราะภาพจากโดรนค่อนข้างชัด แล้วจริงๆ ที่ประตูท่าแพก็มีคนไปๆ มาๆ ผ่านไปผ่านมามากอยู่แล้ว อาจหยุดดูบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ไปทำธุระต่อก็คงไม่น้อย

สิ่งที่สนใจคือจะมีคนดัง สกุลดัง พ่อค้าวาณิชย์ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่มาร่วมชุมนุม พูดอะไรบ้างหรือไม่ แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวสักคน ส่วน 40 องค์กรนั้นก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เห็นการประกาศตัวว่ามีองค์กรอะไรบ้าง

ที่พูดเรื่องนี้ก็เพราะเรื่องป่าแหว่งที่เชียงใหม่นั้น ไม่ได้แหว่งเฉพาะที่นี่ แต่แหว่งไปทั่ว และไม่ใช่แค่แหว่ง แต่ทั้งล้าน เลี่ยน เตียน โล่ง ขึ้นไปทำธุรกิจบนยอดเขา ยอดภู เนินเขา แนวเขา ทิวเขา ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ผิดกฎหมายทั้งนั้น หน่วยงานราชการก็มีไม่น้อย

เมื่อไม่นานมานี้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติมีแถลงการณ์ว่า เฉพาะหน่วยราชการที่มาขอใช้พื้นที่ของวนอุทยานและป่าไม้ และเพิ่งออกประกาศเพิกถอนเพื่อให้หน่วยงานเหล่านั้นเข้าใช้พื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อาทิ สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี อ่างเกษตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนช่างเคียน ชุมชนช้างเผือก แล้วยังมีอีกหลายหน่วยงานที่เพิ่งประกาศ เพื่อนำพื้นที่ไปก่อสร้าง ขอใช้ประโยชน์จากเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จำนวน 9 หน่วยงาน ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) มูลนิธิโครงการหลวง ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเชียงใหม่ กรมการข้าว ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านแมลงเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านการอารักขาพืช จังหวัดเชียงใหม่ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (วัดดอยปุย) และยังมีพื้นที่อื่นอีกเช่นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ขอเข้าใช้ เป็นต้น

ถ้ากลุ่มผู้คัดค้านทวงคืนผืนป่าต้องการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้ให้คนรุ่นหลัง ก็คงต้องใช้โอกาสนี้ทวงคืนทั้งหมด เพราะขนาดที่ถูกกฎหมายอยู่นอกเขตวนอุทยานและป่าไม้ยังเอาคืนได้ แล้วพวกที่อยู่ในเขตจะอ้างเหตุผลอะไร ไม่ใช่แค่ที่ดินร้อยกว่าไร่ที่สร้างบ้านพักให้ข้าราชการศาลยุติธรรม

ได้ยินว่า ถ้าไม่มีคำตอบจากรัฐบาลให้รื้อทิ้งทั้งหมด กลุ่มผู้คัดค้านจะยกระดับการคัดค้าน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะยกแค่ไหน แต่ถ้ายกระดับว่าทวงคืนผืนป่าทั้งหมดที่กรมอุทยานเพิ่งประกาศเพิกถอนข้างต้น ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะน่าจะได้ผืนป่ากลับมานับหมื่นๆ ไร่ ไม่ใช่แค่ 147 ไร่ที่สร้างบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลยุติธรรม เฉพาะของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ก็กว่า 6,000 ไร่แล้ว เชียงใหม่จะได้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เป็นแหล่งซับน้ำ อนุรักษ์ให้คนรุ่นหลัง

ไนท์ซาฟารี ที่เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานก็ควรรื้อทิ้ง ปลูกป่าทดแทน เพราะคุณค่าของป่านั้นมากมายประเมินค่ามิได้ เปรียบเทียบกับค่าก่อสร้างไนท์ซาฟารีแค่ไม่กี่พันล้านบาท อ่างเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ต้องเอาคืนด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันเพื่อการศึกษาหรือไม่ ก็ไม่ใช่เหตุผล เพราะต้องใช้ตรรกะเดียวกัน ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะเป็นธรรมอย่างแท้จริง ไม่มีใครกล่าวหาว่ากลุ่มผู้คัดค้านเลือกปฏิบัติ เลือกค้านเฉพาะที่ขัดความรู้สึก แสลงตา แสลงใจ

สนับสนุนให้ให้กลุ่มทวงคืนผืนป่าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อย่าได้หยุดจนกว่าจะได้คืนทั้งหมด ยกระดับอย่างเข้มข้น เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ ก็แสดงว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบธรรมต่อสังคมโดยรวม ผู้ที่คัดค้าน รวมทั้งสื่อทีวีเลือกข้างที่ขยันทำข่าวทวงคืนผืนป่าก็น่าจะร่วมกันรับผิดชอบด้วย ถึงจะเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ผลกระทบน่าจะไกลไม่น้อย เพราะไม่ใช่แต่หน่วยราชการที่ไปขอใช้พื้นที่ให้เพิกถอนราชพัสดุ แต่พวกนักธุรกิจเอกชนที่รุกเข้าไปปลูกสร้างรีสอร์ทตามยอดเขา ยอดภู เชิงเขา เนินเขา ไหล่เขา แนวเขา ก็คงหนาวๆ ร้อนๆ ด้วย เพราะพวกนี้ มีน้อยมากที่ตรงไปตรงมา เข้าถือครองที่ดินอย่างขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง จำนวนมากเป็นสีเทาๆ ทั้งนั้น

ไหนๆ จะยกระดับทั้งทีต้องเอาให้เหี้ยนเลย เพราะขนาดปรับพื้นที่สร้างบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลยุติธรรม 4-5 ปีมาแล้ว เหล่าแกนนำผู้คัดค้านยังไม่ลืมว่าตัดต้นไม้กันสดๆ ฉะนั้นเรื่องขอเพิกถอนพื้นที่ที่กรมวนอุทยานและป่าไม้เพิ่งประกาศไม่นานนี้ถือว่าเป็นเรื่องสดๆ ร้อนๆ กลุ่มผู้คัดค้านไม่ควรรอจนปลูกสร้างอาคารสถานที่แล้วค่อยไปค้าน 

เพื่อลูกหลานของชาวเชียงใหม่ในอนาคต