รู้ไหม…ออเจ้าก็ Work Form Home นะเจ้าคะ

รู้ไหม…ออเจ้าก็ Work Form Home นะเจ้าคะ

“หมื่นเรืองไม่ต้องไปนั่งที่ที่ทำงานเหรอเจ้าคะ” แม่การะเกดถามด้วยความสงสัย

“ที่ทำงาน เจ้าหมายความถึงที่ใด??? ข้าฟังมิรู้ความ” หมื่นเรืองถามกลับอย่างงง ๆ

“นางพูดจามิเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้เสมอ” พ่อเดชกล่าวด้วยความโมโหปนรำคาญ

“ก็ข้าแค่อยากรู้ว่า คุณพี่กับหมื่นเรืองทำงานอะไร ทำที่ไหน ทำกับใคร ทำเวลาอะไรบ้าง ข้าไม่เห็นคุณพี่จะทำอะไรที่ไหนเลย เห็นอยู่แต่บ้านทุกวัน!!!” แม่การะเกดย้อนกลับ

“งานของข้า 2 คนเป็นงานในสังกัดออกญาโกษาธิบดี เกี่ยวกับการค้าขายกับต่างประเทศ” หมื่นเรืองเริ่มอธิบาย

“แล้วออฟฟิศ ที่ทำงานอยู่ที่ไหน?” แม่การะเกดยังคงสงสัย

“ที่ทำงานของข้าอยู่ในวัง อยู่บ้านออกญา แต่ถ้าพบเห็นกันที่อื่นก็ทำงานได้” หมื่นเรืองอธิบายต่อ

“อ๋อ…ออฟฟิศเคลื่อนที่” แม่การะเกดถึงบางอ้อซะที!

บุพเพสันนิวาส ละครยอดฮิตเพิ่งลาจอไป นอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยาอีกด้วย ส่วนตัวดิฉันไม่ได้ติดตามดูละคร แต่คราวนี้ทนกระแสไม่ไหวเลยต้องกลับไปดูย้อนหลังสักหน่อย เรื่องราวในละครบางเรื่องเคยรู้มาบ้างสมัยเป็นนักเรียน บางเรื่องก็เพิ่งเคยได้ยิน ดิฉันเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคอนเซ็ปต์ทำงานจากบ้าน หรือที่เราคุ้นเคยว่า Work From Home นั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาโน่นแล้ว

ในยุคนี้ หลายองค์กรกำลังถกเถียงกันว่า ควรหรือไม่ที่จะให้พนักงานทำงานที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

หลายต่อหลายมุมมองเห็นว่า การทำงานที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ คงไม่ได้เหมาะกับองค์กรทุกองค์กร ยังมีพนักงานจำนวนไม่น้อยที่ยังชอบการเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศ ได้เจอพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานและได้รับการโค้ชอย่างใกล้ชิดจากหัวหน้างาน

สำนักงานยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น หากไม่มีสำนักงานอาจทำให้บางสิ่งขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กร นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาศักยภาพคน

หลายองค์กรบอกว่า “ยังไม่พร้อม” เพราะขาดระบบความปลอดภัยทางข้อมูล ขาดระบบประเมินติดตามผลงาน บ้างก็ว่าหัวหน้างานยังขาดทักษะในการบริหารคนที่อยู่หลากหลายที่

บ้างก็ว่ามันอาจจะเหมาะกับองค์กรที่เน้นการทำงานเป็นโปรเจคมากกว่า

การศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลกที่เกิดขึ้นพบว่า คนรุ่นใหม่ไม่ผูกติดกับออฟฟิศ ให้คุณค่าทั้งกับงานและการเดินทางเพื่อรับประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่าการนั่งรอวันเกษียณ ประกอบการเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าช่วยให้สามารถทำงานและสื่อสารได้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

จะเป็นเช่นไรเมื่อ…

พนักงานรุ่นใหม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุโรป ในขณะที่ยังคงทำงานประจำให้กับบริษัทที่ตั้งอยู่ในออสเตรเลีย

คุณแม่มือใหม่ ที่เลือกที่จะทำงานนอกบ้านพร้อมกับทำหน้าที่แม่และภรรยาที่ดีสามารถเดินทางไปรับส่งลูกที่โรงเรียน ในขณะที่ยังทำงานเป็นพนักงานประจำ

พนักงานรุ่นใหญ่สามารถย้ายไปอยู่บ้านพักตากอากาศที่เตรียมไว้หลังเกษียณ ในขณะที่ยังคงเป็นพนักงานประจำให้บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง

…หากพนักงานเหล่านี้ ยังคงติดต่อกับนายจ้าง มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอัศจรรย์

เมื่อก่อนนี้ ที่ทำงาน แปลว่าอะไร พ่อเดชกับขุนหมื่นยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ เทคโนโลยีที่จะช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วก็ไม่มี ยังต้องพายเรือไปประชุมกัน แต่ยังคงสามารถทำงานราชการให้สำเร็จ

ดังนั้น สำหรับยุคเราก็คงไม่ใช่เรื่องยาก หากองค์กรจะลองเปิดโอกาสให้คนทำงานที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ อาจเริ่มต้นจาก 10% ของเวลางาน ใครจะไปรู้ว่าคุณอาจได้ช่วยสร้างคุณค่าให้กับคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ทั้งชีวิตอยู่ในออฟฟิศได้เลิกฝันกลางวันถึงชีวิตที่ดีกว่าสักที