‘แจ็ค หม่า’ มองอะไรในประเทศไทย ??

‘แจ็ค หม่า’ มองอะไรในประเทศไทย ??

การลงนามการร่วมมือระหว่าง "แจ็ค หม่า" กับรัฐบาลไทย สร้างกระแสตามมามากมาย ทั้งในด้านบวกและลบ แล้วแจ็ค หม่า มองเห็นอะไรในไทย

ลือลั่นสนั่นเมืองอีกครั้ง เมื่อภาพลุงตู่ของพวกเรา กอดคอกับท่านทักษิณ ชินวัตร ….. เอ้ยย ! แจ็ค หม่า แห่ง Alibaba ประกาศความร่วมมือ เซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับรัฐบาลไทย โดยจะลงทุนก้อนโต เป็นเม็ดเงินถึงระดับหมื่นล้าน เพื่อพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทย-จีน

ในขณะที่เซ็นสัญญากันนั้น แจ็ค หม่า โชว์ลีลา ขายทุเรียนโชว์ ผ่านเว็บไซต์ Tmall.com เว็บอีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของจีนไปด้วย ยอดขายไม่ได้มากมายอะไรนัก เพียงแค่ 1 นาที จัดไป 80,000 ลูก !!

แน่นอนครับ การลงนามการร่วมมือกันครั้งนี้ ก็เกิดกระแสต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมาย ทั้งในด้านบวก และ ด้านลบ

ด้านบวกแน่นอนครับ ก็คือ กำลังซื้ออันมหาศาลของประเทศจีน ด้วยจำนวนประชากรระดับพันล้าน ถ้าสินค้าไทยไปขายอยู่ในอีคอมเมิร์ซจีน ก็แทบจะรับรองได้ว่าขายดีแน่นอน อารมณ์ประมาณการขายทุเรียนที่แจ๊ค หม่าขายโชว์ประมาณนั้น 

ส่วนด้านลบก็ว่ากันว่า แจ็ค หม่ากำลังจะกินรวบธุรกิจ เพราะเนื่องจากช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซตรงนี้มันใหญ่มาก นับวันมีแต่จะโตขึ้น ๆ เจ้าของ ระบบอีคอมเมิร์ซอย่างแจ็ค หม่า น่าจะมีอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จในอนาคต อาจถึงขนาด ชี้ชะตาพ่อค้า แม่ค้า หรือ เกษตรกรไทยได้เลย 

เหรียญมี 2 ด้านเสมอครับ มีด้านบวก ก็ย่อมมีด้านลบ

แต่ถ้ามาถามทัศนะผมในเรื่องนี้ กลัวว่าแจ็ค หม่าจะมากินรวบอีคอมเมิร์ซประเทศไทยไหม ?? ผมบอกเลยครับว่า “ไม่กลัว” 

เรื่องของเรื่องคือ มันกินรวบไปตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ ?? 

น่าจะกินรวบตั้งแต่การที่ Alibaba ประกาศเข้าซื้อ Lazada เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว 

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมเห็นอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทย หนีเผ่นกันหมด !! 

ไม่ได้หมายถึงการปิดบริษัทหนีนะครับ แต่ว่าดูเหมือนว่า อีคอมเมิร์ซไทย จะแค่ประคองตัว ไม่ได้โหมประโคม เพื่อแข่งขันกับ Lazada เหมือนช่วงก่อนหน้านี้ 

ไล่ตั้งแต่ iTruemart / Weloveshopping ในเครือของซีพี หรือแม้กระทั่ง Central Online ของเครือ จิราธิวัฒน์ ที่ออกอาการแมวหงอย อย่างเห็นได้ชัด ไม่นับ Rakuten ที่แอบชิ่ง หนีกลับญี่ปุ่นไปก่อนหน้า ประหนึ่งรู้ว่า Alibaba กำลังจะมา 

ในโลกธุรกิจ กลยุทธ์นี้ไม่ผิดครับ เราไม่ควรเข้าสู่สงคราม ที่รู้ๆอยู่แล้วว่า “สู้ไปก็แพ้” ดังนั้น ถ้าจะกลัวแจ็ค หม่า กินรวบตอนนี้ ควรจะกลัวตั้งแต่ 2 ปี ที่แล้ว แล้วครับ

สิ่งที่เราควรทำตอนนี้ คือ เรียนรู้ที่จะมีชีวิตร่วมกับแจ็ค หม่ายังไง และ แจ็ค หม่าคิดอะไร ? ทำอย่างไรให้แจ็ค หม่าได้ประโยชน์ และ ประเทศไทยเราเอง ก็ได้ประโยชน์พร้อม ๆ กันไปด้วย 

จริง ๆ แจ็ค หม่าเคยแถลงออกมาชัดเจนครับ “อีกไม่นาน Alibaba จะเตะคำว่า อีคอมเมิร์ซ ออกจากพจนานุกรม !!” 

ใช่ครับ แจ็ค หม่า ไม่ได้มองว่าบริษัทตัวเอง เป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซ 

แล้วแจ็ค หม่า มองตัวเองเป็นบริษัทอะไร ?? 

เรื่องนี้จริง ๆ เดาไม่ยากครับ เพราะถ้าไปนั่งดูธุรกิจในเครือ Alibaba Group นอกจาก Shopping Mall แล้ว Alibaba ยังมีธุรกิจ Ad Technology, ธุรกิจสื่อ digital entertainment, ธุรกิจ Social Media และแน่นอนครับ มีธุรกิจ Fin Tech ทำพวก E-wallet และ Nano-Finance

ดูจากความเชื่อมโยงต่าง ๆ คงต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว Alibaba คือ Data Company ครับ 

Data เป็นเส้นเลือดหลักของ New Economy 

Alibaba กำลังเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล ผ่าน Shopping Mall, E-wallet, Entertainment Content, Social Media ฯลฯ โดยนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เจาะลึก โดยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้ Alibaba สามารถเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค มากกว่าที่ผู้บริโภคจะเข้าใจตัวเองเสียอีก ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาปรับปรุงพัฒนา สินค้า หรือ บริการ สร้างประสบการณ์ขั้นเยี่ยมยอด ให้กับลูกค้าที่อยู่ใน Eco System ของตัวเอง หรือแม้กระทั่ง ขายข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วให้กับคู่ค้า ในมูลค่าอันมหาศาล 

Ant Finance หนึ่งในบริษัทในเครือ Alibaba Group ซึ่งถือเป็นบริษัท Fin Tech ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าทางธุรกิจสูงถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

หนึ่งในบริการของ Ant Finance คือ บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งน่ามหัศจรรย์มาก ๆ เพียงแค่สมัครขอสินเชื่อผ่านเว็บไซต์ ไม่ต้องยื่นเอกสารค้ำประกัน ระบบจะดึงข้อมูลที่เก็บไว้จากคลัง data ของ Alibaba ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการ shopping, พฤติกรรมการขายของ, ความสนใจ, พฤติกรรมการชำระเงิน ฯลฯ นำข้อมูลเหล่านี้ มาคำนวณแบบอัตโนมัติ แล้วแจ้งทันทีภายในไม่กี่วินาทีเลยว่า คนที่มาสมัครใช้บริการอยู่นั้น สามารถขอสินเชื่อได้กี่หยวน ! 

กดตกลงเรื่องดอกเบี้ยปั๊บ เงินโอนใส่ Alipay ปุ๊บ ! 

ลองถามแบงก์ในไทยดูครับ ถ้ามีคนมาติดต่อขอสินเชื่อ ต้องกินกระบวนการทั้งหมดกี่วัน ? ถ้า Ant Finance มาเปิดให้บริการในไทย แบงก์ไทยจะสู้ได้ไหม ?? 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม …. ตอนนี้รัฐบาลไทยเราจับมือกับแจ็ค หม่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการให้ความร่วมมือกันในเรื่อง อีคอมเมิร์ซ 

แต่ในภาคส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่อง Data ไม่แน่ใจว่า ภาครัฐของเรามีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร ?

ผมมั่นใจมาก ๆ แจ็ค หม่า ไม่ได้มองแค่ตลาดอีคอมเมิร์ซในบ้านเราอย่างแน่นอน แจ็ค หม่ามองใหญ่กว่านั้นมาก 

ผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ อย่างเรา ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ มองยักษ์ใหญ่เค้าเข้ามาปฎิวัติวงการในบ้านเรา 

สู้กันต่อไปครับ ผู้ประกอบการไทยทุกคน 

“ท่ามกลางสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง บางคนสร้างกำแพง บางคนสร้างกังหัน !!”