กำไรบจ.ไตรมาส1 ...ผันผวนในทิศทางบวก

กำไรบจ.ไตรมาส1 ...ผันผวนในทิศทางบวก

กำไรบจ.ไตรมาส1 ...ผันผวนในทิศทางบวก

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงกรอบเวลาการประกาศผลประกอบการไตรมาส1/2561 ฝ่ายวิเคราะห์ASL คาดจะมีความผันผวนในทิศทางที่บวกมากขึ้น ที่ผ่านมาSETได้มีการปรับตัวลงตอบรับปัจจัยลบที่เข้ามากระทบไว้ในระดับหนึ่ง ประเด็นต่างประเทศเรื่องสถานการณ์ในซีเรีย สิ่งที่เราเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดในประเด็นท่าทีของรัสเซียที่จะแสดงออกมาในด้านความรุนแรงหรือไม่ ฝ่ายฯมีความเชื่อว่ารัสเซียจะต้องรักษาผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพงานฟุตบอลโลก(14 มิ.ย.นี้) และเพื่อให้ไม่เกิดความรุนแรงมากขึ้น สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรื่องผลประกอบการไตรมาส1/2561 ที่จะทยอยประกาศออกมาจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ จะสร้างความผันผวนให้กับตลาดมาก ทั้งนี้การปรับตัวลงแรงของSETฝ่ายวิเคราะห์ASLยังคงคำแนะนำเข้าซื้อเพื่อล่นรอบหรือเข้าซื้อถือระยะกลางบางส่วน(หากลงต่อเนื่อง) ระยะสั้นSETมีแนวรับ 1,770-1,773 แนวต้าน 1,800/1,822  ด้านปัจจัยพื้นฐานรายหลักทรัพย์ หลังจากที่กลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว โดยฝ่ายวิเคราะห์ASLได้ออกบทวิเคราะห์ดังนี้

TMB คงคำแนะนำซื้อ Faire Price 3.20 โดยมีUpside 26.98%(ราคาปิด 19/04/2018 2.52) หลังประกาศกำไร 1Q18 ที่ 2.28 พันล้านบาท (+1.0%QoQ, +8.7%YoY)  ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย จากการมีพอร์ทสินเชื่อที่มี Loan yield ต่ำทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อขนาดมใหญ่ โดยสินเชื่อทรงตัว YTD แต่ NIM ลดลง 19 bps อยู่ที่ 3.02% ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์แย่ลงเล็กน้อย มีการตั้งสำรองฯ สูงขึ้น ส่วน Coverage ratio  อยู่ในระดับสูงที่ 142% ฝ่ายวิเคราห์ASL ปรับลดรายได้ดอกเบี้ยลงส่งผลต่อกำไรให้ลดลงจากเดิม 4%   มาอยู่ที่ 9.83 พันล้านบาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 3.20 บาท

KBANK: ปรับลด Non – NII ลงจากเดิมที่ทรงตัวจากปีก่อนเป็นลบ 6 – 8% KBANK ประกาศลดเป้าหมาย Non – NII ลงจากเดิมที่ประกาศไว้ว่าปีนี้จะทรงตัวจากปีก่อน ซึ่งเดิมทางฝ่ายได้ประเมินไว้ที่ 4.12 หมื่นล้านบาท โดยหลังประกาศจากดังกล่าวเราได้ปรับลดลงเหลือ 3.61 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.6%YoY กดดันกำไรสุทธิให้ลดลงกว่า 6% อยู่ที่ 3.77 หมื่นล้านบาท และปรับมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 234 บาท

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 234 บาท เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 234 บาท (เดิม 262 บาท) อิง PBV 1.6x มี Upside จากการฟื้นตัวของสินเชื่อ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น รวมถึงราคาที่ปรับตัวลงจาก Panic sell จากข่าวปัจจัยด้านลบ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เราได้เข้าฟังการประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ผ่านมา มีโทนการลงทุนไปในเชิงลบทั้งในเรื่องรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับลดลง ยังรวมถึงการเติบโตของสินเชื่อในส่วนของภาคธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมี Yield on Loan ต่ำ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยสะท้อนผ่านผลประกอบการล่าสุดที่ผ่านมาจากผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิได้ปรับตัวลดลงจาก 3.49% ตอนสิ้นปีมาเป็น 3.37% ในสิ้นไตรมาสนี้ ทั้งนี้อาจมีการทบทวนประมาณการที่ได้จัดทำขึ้น

TISCO คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าเป้าหมาย 105.00 บาท โดดเด่นด้วย Dividend Yield คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 7.0 พันล้านบาท (+15.6%) ปรับลดลงเล็กน้อยหลังประกาศขายพอร์ทสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลกว่า 6.9 พันล้านบาทให้แก่ธนาคารซิตี้แบงค์  โดยเราให้ Upside หลักมาจากการ Synergy รวมพอร์ตของ SCBT เข้ามา หากสำเร็จจะส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยขยายตัวขึ้นแม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมี base ที่สูงแล็วก็ตาม ขณะที่ TISCO ตั้งใจจะโฟกัสพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ Home-Equity loan ส่วนรายได้ Non – NII ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ รวมถึงการลดการตั้งค่าใช้จ่ายสำรองลง

เราคงมูลค่าพื้นฐาน 2018 เท่ากับ 105.00 บาท จากปัจจัยบวกด้านการรวมพอร์ทลูกหนี้ที่ทำให้ NII เติบโตตามขนาดของสินเชื่อขณะที่การตั้งสำรองส่วนเกินที่สูงขึ้นในปลายปีที่แล้วจะช่วยลดแรงกดดันในการตั้งสำรองในปีนี้ได้ ทั้งนี้คาดว่า TISCO จะจ่ายเงินปันผลงวดปี FY18 ที่ 5.5 บาท / หุ้น Div. Yield 6%