Leadership Is A Choice

Leadership Is A Choice

หากคุณอยากเติบโตในองค์กร อย่าเป็นผู้นำ If you want to follow a timed-progression growth in the organization, don’t be a leader.

จงเลือกเป็นผู้นำหากคุณอยากสร้างการเปลี่ยนแปลง Be a leader if you want to make a difference.

ความเข้าใจผิดของคนในองค์กรมากมาย คือหากจะเติบโตในองค์กรต้องพัฒนาภาวะผู้นำ leadership จะช่วยให้เราได้รับการโปรโมต ซึ่งผิดมหันต์

หลายคนเข้าหลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำด้วยเหตุผลว่า “ตอนนี้ได้โปรโมตเป็นหัวหน้า จึงต้องฝึกเป็นผู้นำ” คล้าย ๆ ว่าการเป็นผู้นำเป็นทักษะซึ่งทุกคนในระดับนี้ต้องมี เป็นโหมดออโต้ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราไต่ถึงระดับหนึ่งในองค์กร

และอีกหลายคนที่เชื่อว่า หากอยากได้รับการโปรโมตต้องเป็นผู้นำ จงไตร่ตรองให้ดี

เพราะความจริงการเป็นผู้นำคือการหาเรื่องใส่ตัว การสร้างประเด็นให้คนเขม่นหน้า การยุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่ของตน และการเพ้อเจ้อทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หัวหน้าด่า ลูกน้องบ่น คนเหม็นหน้า

Jeff Bezos ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ Amazon.com กล่าวว่า “จงคิดให้ดีก่อนตัดสินใจเป็นลีดเดอร์ คุณต้องเตรียมใจว่าคนจะไม่ชอบหน้าคุณ คุณจะต้องพบกับแรงต่อต้าน คุณจะล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีก และคุณอาจไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ได้”

Leadership is a choice, not a requirement.

จงเลือก Leadership หากคุณอยากสร้างการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณแค่อยากเติบโตในองค์กรอย่างสงบสุข จงเลือกเป็น Follower

พ่อแม่ชอบลูกที่เชื่อฟัง ครูชอบให้ลูกศิษย์ทำตามที่สอนฉันใด หัวหน้าก็ชอบลูกน้องที่ว่าง่าย และองค์กรก็ชอบพนักงานที่ไม่แตกแถวฉันนั้น

หากคุณเป็นพ่อแม่จะยกธุรกิจให้ลูกที่เอาการเอางาน ทำตามทิศทางที่วางไว้ หรือจะยกธุรกิจให้ลูกที่เถียงคำไม่ตกฟาก?

หากคุณเป็นครู คุณจะตั้งใครเป็นหัวหน้าห้อง นักเรียนที่สอบได้คะแนนดี นั่งหน้าห้องตั้งอกตั้งใจจดตามคำบอก หรือนักเรียนที่นั่งหลังห้อง คอยชักใบให้เรือเสีย (ในมุมมองของครู)

การเป็น Follower เพียงพอแล้วกับการเติบโตตามครรลองในองค์กร การเป็น Leadership ไม่ได้มากับตำแหน่ง ไม่ได้มากับนามบัตร และไม่ได้มาตามธรรมชาติ

Leadership is a choice.

ข้อคิดของผู้นำสมอง

1. Leadership is not about likes ในบทความ Three Hard but Powerful Truths About Leadership โดย Carey Nieuwhof บอกว่า หากคุณแคร์ความเห็นผู้อื่น อยากให้นายรักต้องการให้ลูกน้องชอบ คุณไม่ควรเป็นลีดเดอร์เพราะคุณจะขาดความกล้าในการทำสิ่งที่ต้องทำ สมองมนุษย์ชอบปัจจุบันที่สบายแต่ผู้นำต้องสร้างอนาคตซึ่งลำบาก ยิ่งในยุค 4.0 คนมีช่องทางออกความเห็นมากมาย ไม่ชอบใจก็ไม่พูดในห้องประชุมแต่กลับโพสต์เป็นสเตตัส โลกที่ทุกคนเห็นด้วยกับหัวหน้าจบไปนานแล้ว Leader 4.0 ต้องรับได้หากใคร ๆ ก็ไม่รัก

2. Leadership is about struggles สิ่งที่มากับการเลือกเป็นผู้นำคืออุปสรรค พอคุณเสนอไอเดียปุ๊บ คนจะยกมือต่อต้านปั๊บ จะมีคนโต้เถียงความคิดของคุณ วิธีการที่นำเสนอจะถูกโจมตี แม้กระทั่งตัวคุณก็จะมีคนสงสัย อยากโยนงานให้แผนกอื่นหรือเปล่า แค่เอาหน้าหรือเปล่า จริง ๆ แล้วต้องการอะไร? สิ่งที่ผู้นำต้องทำคือถามตัวเอง สิ่งที่เราอยากทำนี้สำคัญแค่ไหน? เรามีพลังที่จะผลักดันมันจริงหรือเปล่า? ทำสิ่งนี้เพื่ออะไร? เรามีเหตุผลแอบแฝงหรือเสแสร้งแกล้งทำหรือเปล่า? ถ้าสิ่งที่อยากทำมันสำเร็จจะรู้สึกอย่างไร? หากไม่ทำจะนอนหลับไหม? เมื่อคุณมีคำตอบกับคำถามเหล่านี้ คุณจะรู้ว่าคุณมีแรงพอจะต่อสู้กับแรงต้านเหล่านั้นไหม

3. Leadership is the future ข่าวดีคืออนาคตต้องการผู้นำมากกว่าผู้ตาม จุดเด่นของ 21st Century คือเรามีทั้งโอกาสและปัญหามากมาย ปัญหาเช่น robots, automation, AI แย่งงานของมนุษย์ โอกาสคือ innovation and collaborative businesses ท่านรองนายก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวในงาน EEC ว่า “ถ้าเราสร้างดิจิทัล อีโคโนมี คนคนหนึ่งผลิตได้มากกว่าเดิม มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ผู้เล่นในประเทศที่เจริญแล้วทุกคนสามารถค้าขายได้ คิดสิ่งใหม่ได้ ไม่ใช่แค่ยักษ์ใหญ่ไม่กี่เจ้า” หากคุณยังเป็นผู้ตามอยู่ โลกที่ข้อมูลวิ่งสู่กันในชั่วพริบตาจะไม่มีที่ให้คุณยืนอีกต่อไป ดังนั้นแม้มันจะยาก แม้มันจะไม่ใช่เส้นทางที่การันตีความสำเร็จ หากอยากมีอนาคตที่สดใส ทุกคนต้องฝึกความเป็นผู้นำของตนเอง

หรือถ้าคุณเชื่อว่าไม่จริงหรอก คนเขาไต่ขั้นกันมาหลายสิบปีแล้วไม่เห็นเป็นไร ก็จงเป็นผู้ตามต่อไปครับ!