บ้านเขากำลังจะเน่าถึงแก่น?

บ้านเขากำลังจะเน่าถึงแก่น?

ในช่วงนี้มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ เรื่องประหลาดล่าสุดคงได้แก่ ประธานาธิบดีโจมตีกลุ่มบุคคลที่ตนเองแต่งตั้ง

ให้ทำงานด้านกระบวนการยุติธรรม จากรัฐมนตรีและรองรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมไปจนถึงอัยการ สัปดาห์นี้ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางซึ่งถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลด ออกมาเปิดโปงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับนายทรัมป์ผ่านสื่อและหนังสือแนวความทรงจำที่เพิ่งออกวางตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในบรรดามุมมอง หรือข้อกล่าวหาที่ปรากฏในหนังสือและตามสื่อที่อดีตผู้อำนวยการให้สัมภาษณ์ ประเด็นที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงที่สุดได้แก่ เขามองว่านายทรัมป์โกหกจนเป็นนิสัยและไม่มีฐานทางศีลธรรมจรรยาแกร่งพอที่จะเป็นประธานาธิบดี

ในฐานะบุคคลภายนอกที่ติดตามดูความเป็นไปในสหรัฐอยู่นอกกรุงวอชิงตันเป็นเวลาเกือบ 40 ปี ผมมองว่าผู้กล่าวหาเองมีปัญหาด้านฐานทางศีลธรรมจรรยาในแนวเดียวกันกับนายทรัมป์ อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาของเขามีข้อมูลสนับสนุนมากพอจนทำให้มองได้ว่า สังคมอเมริกันกำลังเดินเข้าสู่ความเน่าเฟะเร็วมากจนน่าประหลาดใจ

อนึ่ง ในช่วงเวลา 40 ปี สหรัฐมีประธานาธิบดี 7 คน ในบรรดา 7 คนนี้ ผู้ที่มีปัญหาทางศีลธรรมจรรยามาก่อนนายทรัมป์ได้แก่นายบิล คลินตัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเพศกับสตรีอ่อนวัยในทำเนียบขาว และเกือบถูกรัฐสภาปลดออกจากตำแหน่ง จากนั้นมาชาวอเมริกันเลือกประธานาธิบดีอีก 2 คนให้ดำรงตำแหน่งคนละ 2 สมัย หรือครบ 8 ปีตามประเพณีของเขา ได้แก่ นายจอร์จ บุช และนายบารัค โอบามา ก่อนจะมาถึงสมัยของนายทรัมป์ซึ่งเริ่มเมื่อปลาย ม.ค.2560

นายบุช มาจากครอบครัวนักการเมืองเก่าแก่ที่มีฐานะระดับมหาเศรษฐี และพ่อเคยเป็นประธานาธิบดีมาก่อน ฉะนั้นเขามีเครือข่ายในวงการเมืองกว้างขวางและแข็งแกร่ง การชนะการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้งของเขาจึงไม่มีอะไรผิดไปจากธรรมดา ส่วนการชนะการเลือกตั้งของนายโอบามามองได้ว่าไม่ค่อยธรรมดานัก เนื่องจากเขาเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ซ้ำร้ายพ่อของเขายังมิใช่ชาวอเมริกันอีกด้วย หากเป็นนักศึกษาจากเคนยาที่ได้เสียกับแม่ชาวอเมริกันผิวขาวของเขาในระหว่างได้ทุนไปเรียนในสหรัฐ

นายโอบามาไม่มีทั้งกองเงินและเครือข่ายในวงการเมืองอันกว้างขวางและแข็งแกร่งมาก่อน การก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของเขาในเวลาอันสั้น จึงมองได้ว่ามาจากความสามารถส่วนตัวและชาวอเมริกันเลือกเขาตามอุดมการณ์ของระบอบประชาธิปไตย แม้จะมีข้อโต้แย้งว่าไม่มีใครในสังคมของเขาจะก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่มีอิทธิพลทางการเงินขนาดใหญ่ แต่นายโอบามาสามารถดำเนินนโยบายหลายอย่างได้ทั้งที่กลุ่มอิทธิพลใหญ่ๆ ไม่เห็นด้วย เช่น นโยบายด้านประกันสุขภาพถ้วนหน้าและด้านปกปักรักษาสิ่งแวดล้อม ทางด้านพฤติกรรมส่วนตัว นายโอบามาไม่เคยมีปัญหาที่มองได้ว่าเกิดจากฐานทางศีลธรรมจรรยาบกพร่อง สิ่งเหล่านี้มองได้ว่าเป็นสัญญาณที่ชี้ไปในทางดีของสังคมอเมริกัน

ในหลายๆ ด้าน นายทรัมป์อยู่ตรงข้ามกับนายโอบามา ไม่ว่าจะเกี่ยวกับด้านนโยบายหรือด้านพฤติกรรม นโยบายสำคัญๆ เช่นการประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการปกปักรักษาสิ่งแวดล้อมของนายโอบามาถูกนายทรัมป์พยายามยกเลิกเพื่อเอาใจกลุ่มนายทุน ทางด้านพฤติกรรมส่วนตัว สื่อจับได้บ่อยๆ ว่านายทรัมป์โกหกและบิดเบือนความจริง นอกจากนั้นเขายังเหยียดผิวและหยามสตรีอย่างเห็นได้ชัด ภายในเวลาปีกว่าๆ นายทรัมป์ปลดคนระดับรัฐมนตรีที่ตัวเองแต่งตั้งออกหลายคน ส่วนการโจมตีคนที่เขาเองแต่งตั้งและยังรั้งตำแหน่งอยู่ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากเขาเข้าดำรงตำแหน่งมา 15 เดือน รัฐบาลอเมริกันจึงมีเรื่องวุ่นวายแทบไม่เว้นแต่ละวัน

ปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา ซึ่งขณะนี้พรรคริพับลิกันของนายทรัมป์คุมเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา ถ้าชาวอเมริกันยังเลือกพรรคนั้นให้คุมทั้ง 2 สภาและอีก 2 ปีข้างหน้าเลือกนายทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย คงสรุปเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากมองว่าสังคมอเมริกันกำลังเน่าเข้าไปถึงแก่น ความเน่าของมหาอำนาจเช่นสหรัฐจะสร้างผลกระทบสูงต่อชาวโลกแน่นอน ฉะนั้นการเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าจะลดปัญหาได้มาก