จับตาคลื่นลูกใหม่ปชป.
ผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์การเมืองยังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องในประเด็นการทาบทาม จับขั้ว ย้ายพรรค โดยเฉพาะประเด็นความสัมพันธ์
ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มกปปส.หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “สกลธี ภัทริยกุล” ได้ลาออกเพื่อไปรับตำแหน่งรองผู้ว่ากทม.ท่ามกลางกระแสข่าวถูกทาบทามเพื่อร่วมงานกับพรรคจากพรรคพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เพื่อเป็นนายกฯรอบ2
ประเด็นที่น่าติดตามต่อคือนอกเหนือจากสกลธีแล้ว จะมีอดีตแกนนำกปปส.คนอื่นๆ อาทิ “จิตภัสร์ กฤดากร” ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้าตัวรวมถึงแกนนำกปปส.คนอื่นๆไม่เว้นแม้แต่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ซึ่งประกาศวางมือทางการเมืองก็ถูกทาบทามด้วยเช่นกัน ดังนั้นคงต้องจับตาว่าท้ายที่สุดแล้วบุคคลเหล่านี้จะมีจุดยืนในเรื่องดังกล่าวอย่างไร
ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์แม้“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคจะออกมายืนยันว่า ประเด็นดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อฐานะเสียงพรรค แต่ทว่าความเคลื่อนไหวภายในพรรคเองก็มีการพูดคุยถึงตัวบุคคลรวมถึงการปรับกลยุทธ์โดยเฉพาะการ “คลื่นลูกใหม่” ซึ่งอภิสิทธิ์บอกว่าน่าจะมีประมาณ 10 คน เพื่อมาสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่กรณีทุจริตของหน่วยงานภาครัฐยังปรากฏออกมาเป็นรายวัน ล่าสุดในส่วนของสำนักพระพุทธศาสนา(พศ.)ที่พบการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ “พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” ผู้อำนวยการพศ.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่3วัดดังจำนวน5รูปพร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ดำเนินการ
โดยในวันพรุ่งนี้(19 เม.ย.)ปปป.จะเรียกผอ.พศ.เข้าให้ข้อมูลในส่วนของ 7 วัดที่เหลือ ซึ่งการดำเนินคดีกับผู้ที่ทุจริตครั้งนี้ถือเป็นล็อตที่ 3 ซึ่งจากข้อมูลที่ผอ.พศ.ได้ออกมาเปิดเผยนั้นพบว่ามีข้าราชการรายเก่าคดีเงินทอนวัดล็อต 1 และ 2 พระ และประชาชนรวมเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากนับรวมงบประมาณที่เสียไปในกรณีดังกล่าวก็ถือว่า เป็นมูลค่าที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
โดย... ดารากร