รถยนต์หายระหว่างการผ่อนส่ง

รถยนต์หายระหว่างการผ่อนส่ง

การซื้อรถยนต์โดยการผ่อนส่งตกลงชำระราคาเป็นงวดฯ นั้น ความจริง คือการเช่าซื้อรถยนต์ เมื่อตกลงซื้อรถยนต์จากตัวแทนจำหน่าย และ

ผู้ประกอบกิจการให้สินเชื่อตกลงให้สินเชื่อแล้ว ผู้ให้สินเชื่อ จะเข้ามาเป็นผู้ชำระราคาค่ารถยนต์ให้ตัวแทนจำหน่าย กรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้นจะตกเป็นของผู้ให้สินเชื้อ ผู้ซื้อจะต้องทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นกับผู้ให้สินเชื่อ โดยต้องชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดฯและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาเช่าซื้อ

เช่าซื้อเป็นเอกเทศสัญญาลักษณะหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ3 ลักษณะ9 ซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับเช่าซื้อในมาตรา 572ถึงมาตรา574 ความหมายของสัญญาเช่าซื้อเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 572 คือ อันสัญญาเช่าซื้อคือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและให้คำมั่นว่า จะให้ทรัพย์สินตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว

การซื้อรถยนต์โดยการทำสัญญาเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ยังไม่เป็นของผู้ซื้อ ผู้ซื้อมีเพียงสิทธิครอบครองและใช้สอยรถยนต์คันนั้นเท่านั้น กรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้ซื้อเมื่อชาระค่างวดครบตามที่กำหนดในสัญญา

ถึงแม้สัญญาเช่าซื้อจะอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเอกเทศสัญญาลักษณะ 9แต่เนื่องจากการทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคจำนวนมากที่มีอำนาจต่อรองน้อยกว่าผู้ประกอบกิจการให้สินชื่อ จึงมีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ประกาศที่ใช้บังตับในปัจจุบันคือ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2555 มีผลทำให้การทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต้องเป็นไปเป็นไปตามประกาศดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามบัดนี้มีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ฉบับใหม่ประกาศเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 แต่ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ซึ่งมีข้อกำหนดที่คุ้มครองผู้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เปลี่ยนไปจากข้อกำหนดตามประกาศเดิมอย่างมีนัยสำคัญหลายประการ การทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ตั้งแต่วันที่1 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไปต้องเป็นไปตามข้อกำหนดตามประกาศฉบับดังกล่าว

ที่ผ่านมามีปัญหารถยนต์ที่เช่าซื้อ หายระหว่างที่ยังผ่อนค่างวดไม่ครบ คือยังผ่อนไม่เสร็จ หรือที่เรียกกันว่ารถหายระหว่างติดไฟแนนซ์ ปัญหาคือ ผู้เช่าซื้อไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร ต้องผ่อนต่อหรือไม่ และต้องรับผิดอย่างไรหรือไม่

รถยนต์หายระหว่างผ่อนไม่หมดมีข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ควรทราบ ดังนี้

 * รถที่เช่าซื้อหายสัญญาเป็นอันระงับ เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อก็คือการเช่าทรัพย์ที่มีข้อกำหนดให้ทรัพย์ที่เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่าเมื่อได้ใช้เงินให้ผู้ให้เช่าครบตามที่กำหนดไว้ หน้าที่ความรับผิดชอบของคู่สัญญาจึงอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเช่าทรัพย์เป็นหลัก เมื่อทรัพย์สินที่เช่าคือรถยนต์หายไปสัญญาเช่าย่อมระงับ ไปตาม ปพพ. มาตรา 572 ผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์หรือค่าเสียหายตั้งแต่งวดที่รถหายเป็นต้นไป (คำพิพากษาศาลฎีกาที่304/2522)

*ไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อแต่ต้องรับผิดชดใช้ราคาหรือค่าเสียหาย  คดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่234/2522 วินิจฉัยว่า จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ ค้างชำระค่าเช่าซื้อ 3 งวด รถถูกลัก สัญญาเช่าซื้อระงับ จำเลยต้องรับผิดในการที่รถยนต์สูญหายเพราะมีข้อสัญญากำหนดไว้ ซึ่งโจทก์ต้องเรียกร้องเอาส่วนหนึ่ง มิใช่เรียกเป็นค่าเช่าซื้อหลังจากรถหายไปแล้ว แต่จำเลยต้องชำระค่าเช่าซื้อ3 งวดที่ค้างก่อนรถหาย (คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าซื้อหลังรถหาย ที่ถูกต้องฟ้องเรียกใช้ราคาหรือค่าเสียหาย)

ถ้าทำประกันภัยไว้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด คดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่260/2523 ที่วินิจฉัยว่า รถยนต์ราคา100,000 บาทผู้เช่าซื้อเอาประกันภัยไว้ 60,000บาท ระบุผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้รับประโยชน์ ขณะรถหายโจทก์ ผู้ให้เช่าซื้อ)ได้รับค่าเช่าซื้อมาบ้างแล้ว ยังคงค้างอยู่ 32,669 บาท ผู้เอาประกันภัยดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออกแต่มิได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวห่างที่จอดรถไว้ 30 เมตร เป็นเวลา 10 นาที มีคนอยู่ในบริเวณนั้น รถหายไป ไม่เป็นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผู้รับประกันภัยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน 60,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีแก่ผู้ให้เช่าซื้อผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์

ข้อสัญญารถหายให้ชำระค่าเช่าซื้อต่อไป  กรณีรถหายแต่มีข้อสัญญายอมชำระค่าเช่าซื้อต่อไป ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถือได้ว่าเป็นการกำหนดค่าเสียหายให้ผู้ให้เช่าซื้อไว้ล่วงหน้า อันมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ซึ่งศาลมีอำนาจที่จะกำหนดให้ตามที่เห็นสมควร (คำพิพากษาศาลฎีกาที่4634/2549 )

รถที่เช่าซื้อหายเพราะประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง  คดีนี้มีข้อเท็จจริงคือขณะเกิดเหตุ ผู้เช่าซื้อ จอดรถแล้วเดินไปสูบบุหรี่ห่างจากรถประมาณ 40เมตร และไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ได้เพราะมีป่าละเมาะบังสายตาโดยติดเครื่องยนต์และไม่ได้ล็อกประตูรถ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจอดรถยนต์ทิ้งไว้ในลักษณะที่ไม่ใส่ใจ และไม่สนใจว่าจะเกิดเหตุร้ายกับรถยนต์หรือไม่นับเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เมื่อรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้สูญหายไปเพราะความประมาณเลินเล่ออย่างร้ายแรงของ บ.ผู้เช่าซื้อ ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307172558)