ทุ่มเททำงานแต่งานก็ไม่เดิน

ทุ่มเททำงานแต่งานก็ไม่เดิน

ใกล้วันหยุดยาวประจำปี หลายคนทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำเพื่อสะสางงานให้เสร็จสิ้นก่อนวันหยุดยาวที่จะมาถึง แต่กลับพบว่ายิ่งขยันทุ่มเททำงาน

จนไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้ทำให้งานสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ บางทีกลายเป็นว่าต้องพกงานตามไปเที่ยวด้วย หรือไม่ก็เที่ยวไม่สนุก เพราะรู้ตัวดีว่ากลับมาการงานค้างรออยู่มากมาย สาเหตุมาจากการที่เราพยายามใช้เวลามากขึ้นในแต่ละวัน ทำให้จำนวนเรื่องที่เราต้องตัดสินใจในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และนี่เองเป็นเหตุให้เราทำงานเพิ่มขึ้นได้แย่ลง เพราะจำนวนเรื่องที่ต้องตัดสินใจมากเกินขีดความสามารถของผู้คนปกติ

คนเราโดยทั่วไปนั้นมีขีดจำกัดในเรื่องการตัดสินใจ มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับบริบทของแต่ละคน ถ้าเมื่อใดที่เราต้องเร่งงาน คือทำงานในปริมาณที่มากขึ้นในจำนวนวันเท่าเดิม ต้องพยายามหาทางลดเรื่องที่จะตัดสินใจในชีวิตประจำวันลงไปบ้าง ซึ่งอาจเรื่องง่ายๆ เช่นตัดสินใจเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่มาทำงาน เรื่องอาหารการกิน พยายามทำให้การตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น ลดลงไปในชีวิตประจำวันของเรา เหลือไว้คิดตัดสินใจเรื่องงาน ยิ่งถ้าต้องวางแผนท่องเที่ยววันหยุด ควบคู่ไปกับการเร่งสะสางงานแล้ว จะยิ่งไปกันใหญ่ คือจะเสียทั้ง 2 อย่าง ทั้งงานทั้งเที่ยว เตรียมการเที่ยวได้ไม่ดี ไปแล้วจะเจออุปสรรคสารพัด 

ส่วนงานก็ไม่เสร็จอย่างที่ตั้งความหวังไว้ เพราะเราใช้ขีดความสามารถของเราในการตัดสินใจหมดไปกับหลายเรื่องในช่วงเวลาเดิมที่เคยมีเรื่องต้องตัดสินใจไม่มากนัก ถ้าอยากให้เร่งงานให้เสร็จเร็วขึ้น การขยายเวลาทำงานในแต่ละวันออกไป ช่วยได้ไม่มากนัก ถ้าเวลาที่เราเพิ่มเติมเข้าไปนั้นทำให้เราต้องตัดสินใจมากเรื่องกว่าที่เราจะทำได้ เวลาอาจขยายได้ตามที่ยังมีเรี่ยวแรง แต่จำนวนเรื่องที่สามารถตัดสินใจได้ดีนั้น ขยายได้ไม่ง่ายนัก 

ถ้าอยากคิดเรื่องเที่ยวไปพร้อมๆ กับเรื่องเร่งงานให้เสร็จ ให้ลุยคิดเรื่องเที่ยวให้เบ็ดเสร็จในเวลาสั้นที่สุดที่จะทำได้ อย่ามัวแต่คนนี้เลือกไปที่นั่น คนนั้นอยากไปที่นี่ สะสางเรื่องเที่ยวให้จบลงในทันที ซึ่งนอกจะลดเรื่องที่ต้องคิดตัดสินใจลงไปได้แล้ว ยังสร้างแรงฮึดให้มุ่งมั่นทำงานจากความหวังในความอิ่มเอมจากการท่องเที่ยวที่จะตามมาอีกด้วย เรียกว่าทำงานอย่างมีความหวังกับความสุขที่กำลังจะตามมา

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เร่งงานโดยการยืดเวลาทำงานไม่ได้ผลคือ ความกังวล งานเดิมเคยทำใน 3-4 วัน ต้องบีบให้ทำในวันเดียวให้เสร็จ ซึ่งหนทางที่เลือกใช้กันมากคือยืดเวลาวันนั้นออกไป พอเวลาทำงานยืดยาวขึ้นไปมากๆ วิถีชีวิตวันนั้นก็เปลี่ยน กลายเป็นอะไรที่ไม่ปกติ จะกลับบ้านหลังทำงานจนดึกก็ไม่แน่ใจในเรื่องการเดินทาง ใครมีลูกมีหลานอยู่ที่บ้านก็กังวลว่าจะอยู่ได้อย่างไร มีอะไรจะกินหรือไม่ ยิ่งคิดกังวลก็เข้าสู่เส้นทางเดิมคือไปเพิ่มเรื่องที่ต้องตัดสินใจขึ้นมาอีก แถมยังมโนไปในทางไม่ดีต่างๆ นานา ความกังวลที่เกิดขึ้นลดความสามารถของสมองเราในการทำงานไปมากกว่าที่เคยทำได้ 

ดังนั้นยืดเวลาออกไปก็จริง แต่ความกังวลมาลดผลผลิต ยืดไป 3 ชั่วโมง ผลงานได้จริงแค่ชั่วโมงเดียว คนเรามีขีดจำกัดในการมองเรื่องรอบตัวไปในทางที่ดี คือเรามองรอบตัวแล้วเรามักพยายามปรุงแต่งไปในทางไม่ดี หลังจากที่เรามองในทางดีๆ ได้สัก 4-5 เรื่องไปแล้ว ดังนั้นถ้าจะเร่งงาน 3 วันให้แล้วเสร็จในวันเดียว ต้องเตรียมการล่วงหน้าให้ดี อย่าให้มีเรื่องราวต้องกังวล ไม่งั้นอย่าเร่งงานเสียเลยดีกว่า งานล่วงหน้า 2 วันไม่เสร็จก็จริง แต่งานวันนี้ไม่ได้เสียหายอะไร

ที่จริงแล้ว ถ้าคิดว่ามีวันหยุดจริงๆ ก็ต้องยอมคิดว่างานก็ต้องหยุดไปด้วย ถ้าเป็นงานที่หยุดไม่ได้ วันหยุดก็ไม่ได้มีจริงสำหรับทุกคน มีแค่บางคนที่ได้หยุด จึงไม่ต้องเร่งการงานอะไร เพราะอย่างไรก็ต้องมีใครสักคนมาทำงานกันต่อไป ที่แย่คือผู้บริหารชอบไปคิดกันว่าวันหยุดอยู่ข้างหน้า วันนี้ลูกน้องต้องทำงานล่วงหน้าไปในอนาคตให้เสร็จเสียก่อน โดยไม่เพิ่มเติมทรัพยากรใดๆ มาสนับสนุนให้การงานแล้วเสร็จเร็วขึ้น ผู้บริหารท่านใดที่ชอบคิดแบบนี้ ท่านผู้นั้นควรจะยกเลิกวันหยุดไปเลยดีกว่า