ถึงเวลาคบเด็กสร้างบ้าน

ถึงเวลาคบเด็กสร้างบ้าน

คงเป็นที่ทราบกันแล้วว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นักเรียนอเมริกันหลายแสนคนรวมตัวกันเดินขบวนในกรุงวอชิงตัน การเดินขบวนครั้งนี้

นำโดยนักเรียนชั้นมัธยมจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดาซึ่งถูกวัยรุ่นบุกเข้าไปสังหารด้วยปืนยิงเร็วเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2561อันเป็นวันแห่งความรัก เหตุการณ์นั้นทำให้นักเรียนเสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บจำนวนมากและผู้ใหญ่ตาย 3 คน 

ตามรายงานของสื่อ การเดินขบวนซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการซื้อขายและครอบครองอาวุธปืนครั้งนี้ มีผู้ออกมาเดินขบวนสนับสนุนทั่วโลกราว 800 แห่ง ในขณะเดียวกัน มีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มากนักออกมาเดินขบวนต่อต้านการเดินขบวนของนักเรียน การเดินขบวนแนวนี้เป็นวิถีประชาธิปไตยที่ถือปฏิบัติในสหรัฐ

เหตุการณ์สยองขวัญอันเกิดจากการสังหารหมู่ด้วยปืนยิงเร็วเกิดขึ้นบ่อยในสหรัฐ หลังเกิดทุกครั้งรวมทั้งเมื่อปี 2555 ซึ่งนักเรียนชั้นประถมตายไป 27 คนจะมีการเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายควบคุมการซื้อขายและครอบครองอาวุธปืน แต่รัฐสภาไม่เคยผ่านร่างกฎหมายชนิดนั้นได้เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ปัจจัยหลายอย่างทำให้นักการเมืองเห็นเช่นนั้น โดยเฉพาะสิทธิ์ในการถือครองอาวุธปืนซึ่งบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญอเมริกัน แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่านักการเมืองส่วนใหญ่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของสมาคมปืน การวิเคราะห์นี้มีเหตุผลน่าฟัง 

ทั้งนี้เพราะนักการเมืองจำนวนมากรับเงินบริจาคเพื่อการหาเสียงจากสมาคมปืนและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นการให้ถือครองปืนจำพวกสำหรับใช้ป้องกันตัวและล่าสัตว์ มิใช่เพื่อใช้ในการทำลายล้างเช่นปืนยิงเร็วที่ใช้ในสงครามและสังหารหมู่พลเรือน สำหรับเรื่องนักการเมืองอเมริกันตกอยู่ใต้อิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ เช่น สมาคมปืนนั้นเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปจนในปัจจุบันนี้มีผู้มองว่า การปกครองของสหรัฐขาดความเป็นประชาธิปไตย

การเดินขบวนของนักเรียนชั้นมัธยมหลักแสนนับได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ มันจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวแบบพื้นฐานอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ยังยากที่จะประเมิน กระบวนการนี้ย่อมมีผู้อยู่ตรงข้ามนำโดยสมาคมปืนต่อต้านอย่างหนัก นักวิเคราะห์ยังไม่เห็นพ้องต้องกันว่ามันจะจบลงอย่างไร ณ วันนี้ ยังไม่มีนักการเมืองชั้นแนวหน้าออกมาสนับสนุนอย่างจริงจัง จากมุมมองนี้ โอกาสที่ปรากฎการณ์ดังกล่าวจะสลายไปก่อนที่จะเป็นการเคลื่อนไหวแบบพื้นฐานจนเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงมีอยู่สูง

หากมองย้อนไปเป็นเวลากว่า 50 ปี จะเห็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเยาวชนอเมริกัน เยาวชนที่เข้าร่วมครั้งนั้นมักอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ปัจจัยในการก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวมีหลายอย่าง รวมทั้งการต่อต้านสงครามเวียดนามและการดำเนินชีวิตแบบบริโภคนิยมของสังคมอเมริกัน 

ปัจจัยเหล่านั้นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลายอย่าง เช่น ประธานาธิบดีลินดอน จอห์สันเปลี่ยนใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 และสงครามเวียดนามยุติเร็วขึ้น การก่อตั้งองค์กรรัฐบาลด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมก็มองได้ว่ามีที่มาส่วนหนึ่งจากการเคลื่อนไหวนี้ การก่อตั้งชุมชนขนาดเล็กที่มีความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายกระจัดจายอยู่ทั่วไปในชนบทของสหรัฐในปัจจุบันก็สืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวในยุคนั้น

จากมุมมองของความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากความเคลื่อนไหวครั้งก่อน มีความเป็นไปได้สูงว่าการเดินขบวนของนักเรียนชั้นมัธยมดังกล่าวจะกลายเป็นความเคลื่อนไหวพื้นฐานที่มีผลในด้านการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

หันมามองเมืองไทยซึ่งคงจะกลับไปอิงระบอบประชาธิปไตยโดยมีการเลือกตั้งทั่วไปในเวลาอีกไม่นาน ปัญหาใหญ่ของไทยต่างกับของอเมริกันโดยเฉพาะในด้านการมีความฉ้อฉลสูงกว่ามาก หากจะเป็นประชาธิปไตย เมืองไทยควรเปิดโอกาสให้เยาวชนมีบทบาทในด้านการลดความฉ้อฉลแทนที่จะมองว่าไม่ควรให้เยาวชนมีบทบาทในงานสำคัญตามสุภาษิต “คบเด็กสร้างบ้าน ...” 

เมื่อไม่นานมานี้ มีปรากฎการณ์สำคัญยิ่งเมื่อนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งซึ่งไปฝึกงานกับองค์การท้องถิ่นเปิดโปงความฉ้อฉลของกลุ่มคนในวงราชการซึ่งนำไปสู่การเปิดโปงความคดโกงในอีกหลายกระทรวง ตัวอย่างนี้คงชี้ชัดว่า เราน่าจะมีนโยบายแต่งตั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยให้เป็นกรรมการร่วมตรวจสอบการใช้จ่ายในองค์กรของรัฐทุกแห่งหากเราจริงใจในการปราบความฉ้อฉล