ฟ้อง-ไม่ฟ้อง‘เปรมชัย’ ด้วยเหตุใด
ถ้านับจาก 13 มี.ค. วันที่ตำรวจภูธร ภาค 7 นำส่งสำนวนคดี “เปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
ให้อัยการจังหวัดทองผาภูมิ จนถึงวันที่มีความเห็นสั่งฟ้องเปรมชัย นับว่ารวดเร็ว แม้จะสั่งสอบเพิ่มเติม ถึง 2 ครั้ง
เฉพาะ “เปรมชัย” อัยการสั่งฟ้อง 6 ข้อหา ดังนี้
- ร่วมกันพกพาอาวุธปืนฯโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ 4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองฯ 5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นฯ ซากสัตว์ป่า 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ
สั่งไม่ฟ้อง 5 ข้อหา ซึ่งในประเด็นที่สั่งไม่ฟ้อง นี้ มีคำอธิบายจากหัวหน้าคณะทำงานอัยการ สมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 อธิบายเป็นข้อๆ อย่างนี้
1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ อัยการเห็นว่า “เปรมชัย” ได้รับอนุญาตจาก “หัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์” ตามคำร้องขอผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯ จึงไม่มีความผิด
- ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าฯ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามข้อหานี้ถือว่า“เป็นความผิด”แต่ไม่มีบทลงโทษทางกฎหมาย เป็นโทษ “ทางปกครอง” ซึ่ง “หัวหน้าวิเชียร” ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาและให้ออกจากจุดตั้งแคมป์บริเวณริมห้วยปะชิ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ 4 ก.พ.
3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อัยการสั่งฟ้องเฉพาะ “ธานี ทุมมาศ” ตามคำให้การว่าพบ “ธานี” กำลังเล็งปืนไปบนยอดไม้เหมือนจะยิงสัตว์ป่า ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ด้วย
4.ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์ฯ อัยการเห็นว่า ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในเรื่องทารุณกรรมเสือดำ
5.ร่วมกันมีอาวุธปืน พบว่า ปืนทั้ง 3 กระบอก เป็นของ “เปรมชัย”
ส่วนที่ว่า ไม่ฟ้องข้อหาพยายามฆ่า จะทำให้ “เปรมชัย” รับโทษน้อยลงหรือไม่ นั้น ข้อหาพยายามล่าฯ รับโทษ 2 ใน 3 ซึ่งอัตราโทษน้อยกว่า ข้อหา “ล่า” ซึ่งความผิดสำเร็จแล้ว รับโทษเต็มอัตรา
ขณะที่ความรับผิดทางแพ่ง อัยการให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ชดใช้ 462,000 บาท เนื่องจาก พ.ร.บ.ป่าสงวน มาตรา 26/5 ให้อัยการยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย ด้วย ทั้งที่กรมอุทยานฯ และตำรวจ ไม่แจ้งข้อหานี้มาตั้งแต่ต้น
“ที่มา” ของการเรียกค่าเสียหาย อัยการอ้างอิงจาก ราคา “เสือดำ” ที่เคยซื้อให้สวนสัตว์เชียงใหม่ และรับฟังไม่ได้กรณีที่เสนอค่าเสียหายตามโครงการปล่อยเสือโคร่ง คืนสู่ธรรมชาติ และการเรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ก็ไม่เคยทำการวิจัยไว้
ดังนั้น ถ้ากรมอุทยานฯ จะฟ้องเรียก 12 ล้านบาทเศษ ต้องเองฟ้องต่างหาก
ทั้งหมดนี้คือ เหตุผล “ฟ้อง-ไม่ฟ้อง เปรมชัย”