สี จิ้นผิง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจีน

สี จิ้นผิง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจีน

ดู Nattha Live คุยกับอาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร์ นานเกือบชั่วโมงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญจีน และการกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง

อาจารย์อาร์ม (ขออภัยที่เอ่ยนาม) เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์จุฬา กำลังเรียนปริญญาเอกที่ Stanford U. และเคยเรียนกฎหมายที่จีน จึงเชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

ที่จริงก่อนหน้านี้ ก็ดู Sutthichai Live ที่คุยกับอาจารย์อาร์ม เรื่องนี้ และส่วนตัวก็ได้โพสต์แสดงความเห็นในบางเรื่องที่อาจไม่ตรงกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ ที่มองว่าการกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง ครั้งนี้ นอกจากจะไม่มีปัญหาแล้ว ยังทำให้จีนเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด

ขณะเดียวกัน ก็ดูข่าวจากทางตะวันตกที่มีแนวทางไม่เห็นชอบกับการบริหารประเทศแบบรวบอำนาจ หรือการที่ผู้นำอยู่ในอำนาจนานเกินไป แต่ ณ ชั่วโมงนี้ ยังไม่มีสื่อสำนักใดจากชาติตะวันตกออกมาพูดเรื่องนี้เลย...

ที่น่าสนใจว่า เราพยายามหาเหตุผลที่คิดว่า ทำไมการเปลี่ยนแปลงของจีนจึงไม่ส่งผลให้ประเทศตะวันตกหรือแม้นักธุรกิจตะวันตกตื่นเต้น

1. ประเทศตะวันตก ไม่ชอบการปกครองแบบรวบอำนาจ การที่สี จิ้นผิง แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้สามารถอยู่ได้หลายเทอมอย่างไม่กำหนดระยะเวลา เป็นเรื่องที่ขัดกับแนวคิดของประเทศตะวันตกที่ไม่ต้องการให้ผู้นำอยู่ในอำนาจตลอดกาล

2. ประเทศตะวันตกมองว่าการกระชับอำนาจในการปกครองประเทศของสี จิ้นผิง เป็นเรื่องภายใน เพราะไม่กระทบกับแนวทางการค้าระหว่างประเทศ ทุกประเทศยังทำการค้าได้เป็นปกติ

3. แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ แต่แนวนโยบายที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุนในประเทศจีนไม่เปลี่ยน สี จิ้นผิง ไม่ได้แตะปัญหาการค้า ไม่ได้ขึ้นภาษี ไม่ได้จำกัดสิทธิ ไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องเทคโนโลยี ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีผลกระทบอะไรต่อการลงทุนจากต่างประเทศ

4. แม้ถ้อยคำบางคำที่ใช้ในรัฐธรรมนูญใหม่จะแสดงถึงความต้องการเป็นมหาอำนาจของจีน แต่ในทางปฏิบัติจีนจะเป็นมหาอำนาจได้แค่ไหนไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่อำนาจแท้จริงในกิจการระหว่างประเทศมากกว่า

5. ประเทศในโลกตะวันตกหลายประเทศยังวุ่นวายกับเรื่องภายในประเทศ ไม่ว่าสหรัฐที่มีประธานาธิบดีที่ประชาชนสับสนในแนวคิด อังกฤษที่มีปัญหาเรื่องการออกจากสหภาพยุโรป หรือแม้แต่เยอรมันที่ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้มากว่าหกเดือนแล้ว จึงไม่มีใครสนใจการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของจีนมากนัก

6. ประเทศที่น่าจะได้รับผลจากจีนจึงน่าจะเป็นประเทศคู่ค้าในแถบเอเซีย และน่าจะเป็นผลดีมากกว่าเสีย เพราะการที่สี จิ้นผิงอยู่ในอำนาจนาน ยิ่งทำให้มั่นใจในแนวนโยบายของจีนที่จะไม่เปลี่ยนง่ายๆ

7. การรวบอำนาจของสี จิ้นผิง ครั้งนี้แม้ไม่เรียกเผด็จการ แต่ในทางปฏิบัติก็เป็นเผด็จการในตัวเอง เพราะเป็นทั้งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นประธานาธิบดี เป็นประธานกรรมการทหารแห่งชาติ รวมทั้งเป็นประธานในเกือบทุกคณะกรรมการระดับชาติในทุกเรื่องเกือบ 100 คณะ รวมถึงคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่กลายเป็นองค์กรเทียบเท่าอำนาจสูงสุดของประเทศอีกอำนาจหนึ่ง นอกเหนือจากอำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อำนาจอัยการ (ไม่แน่ใจว่าประเทศจีน มีอำนาจนิติบัญญัติและเชื่อว่า สี จิ้นผิง จะใช้อำนาจนี้อย่างเต็มที่ในการปราบคอรัปชันในทุกระดับ

สี จิ้นผิง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญจีน

สี จิ้นผิง ก็มีอำนาจเหล่านี้อยู่ในมืออยู่แล้ว แต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ก็ทำให้สิ่งที่ไม่เป็นทางการเป็นสิ่งที่เป็นทางการ เพราะบรรจุเป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่แก้ไขยาก

สำหรับประเทศไทย ก็คงต้องมองจีนด้วยความระมัดระวัง อย่าด่วนผลีผลามเพียงเชื่อว่าตราบใดที่สี จิ้นผิง อยู่ในอำนาจอะไรๆจะตรงไปตรงมาตลอด เพราะความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน

ในระยะ 5 ปีต่อนี้ไป เราอาจจะยังมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ถ้าสี จิ้นผิง ยังไม่ลงจากอำนาจในอีก 10 ปี 20 ปี เชื่อว่าจะเกิดแรงกระเพื่ื่อมจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการขึ้นมาทำหน้าที่เพื่อคนรุ่นพวกเขา ไม่ใช่ปล่อยให้คนแก่อายุ 80-90 ปี บริหารประเทศอยู่คนเดียว​

สิ่งหนึ่งที่ชาวตะวันออกไม่ค่อยมองกันก็คือเชื่อว่าอัตราการเจริญเติบโตของจีนในอนาคตจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นที่ผ่านมา แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง อัตราการเจริญเติบโตจะเจริญในอัตราที่ช้าลงเมื่อประเทศเจริญมาถึงจุดๆหนึ่ง ดังเช่นประเทศในแถบตะวันตกและสหรัฐ แม้กระทั่งญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาตอนนี้ เพราะอัตราการเจริญเติบโตอยู่ในระดับต่ำกว่า 3% มานานหลายปี ทั้งๆ ที่ประชาชนอยู่ดีกินดี

การอยู่นานของสี จิ้นผิง อาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเมืองที่คาดไม่ถึงเช่นกัน เพราะการที่ประเทศนิ่งอยู่นาน ทำให้ประชาชนและนักลงทุนตายใจ และขาดความระมัดระวัง และถ้าวันใดเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทุกคนจะอยู่ในฐานะที่คิดไม่ถึง และไม่ทันรับมือ ความเสี่ยงเช่นว่านี้ทำให้ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยๆกลับมีความเสี่ยงน้อย เพราะทุกคนรู้ตัวและไม่ตั้งมั่นในความประมาทตลอดเวลา

สิ่งที่จีน โดย สี จิ้นผิง จะทำในโครงการต่างๆไม่ว่า One Belt One Road โครงการแก้ไขปัญหามลภาวะ โครงการแก้ไขคอรัปชันในทุกระดับ เป็นเรื่องต้องติดตามกันต่อไป

เพราะสิ่งเหล่านี้เท่ากับเป็น คำมั่นสัญญา หรือ commitment ที่สัญญาไว้กับประชาชน และถ้าทำไม่สำเร็จ อำนาจที่เพิ่มขึ้นอาจกลายเป็นดาบที่กลับมาทำร้ายเจ้าของดาบก็เป็นได้ เพราะสี จิ้นผิง อาจกำลังขี่หลังเสือ ที่ไม่สามารถลงจากหลังเสือก็ได้ ใครจะรู้....