ผันผวนระยะสั้น

ผันผวนระยะสั้น

ผันผวนระยะสั้น

สวัสดีครับท่านนักลงทุนกลับมาพบกันอีกครั้งเพื่อมาคุยกันเรื่องกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเมษายน เพื่อให้ทราบว่าท่านนักลงทุน ต้องเตรียมกำหนดกลยุทธ์อะไรกันบ้างในเดือนนี้

หลังจากที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงแรง หลังจากที่วุ่นวายกันไปในเรื่องที่แบงค์ใหญ่ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมโมบายแบงค์กิ้ง ดังนั้นผมเชื่อว่าในเดือนนี้ นักลงทุนคงต้องมานั่งมองหาหุ้นในกลุ่มธนาคารเก็บเข้าพอร์ตไว้บ้าง หลังจากความวุ่นวายเริ่มหายไป

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า กลุ่มธนาคาร น่าจะได้รับผลกระทบต่อกำไรสุทธิบ้าง แต่ก็มองว่าน่าจะได้รับการชดเชยในระยะกลาง – ยาว จากค่าใช้จ่ายในการจัดการเงินสดและต้นทุนสาขาที่ลดลง และรายได้อื่นจากการใช้ platform ที่เพิ่มขึ้น และถ้ามองลึกลงไปจะพบว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมโอนเงินข้ามธนาคารที่เคยจ่ายกันที่ 25 – 30 บาทก่อนหน้านี้นั้น ส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวกลาง ไม่ได้เข้าแบงค์ทั้งหมด จึงกระทบไม่มาก

ดังนั้นในเดือนนี้ ท่านนักลงทุนที่ชอบลงทุนในกลุ่มธนาคาร น่าจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการหาหุ้นธนาคารเข้าเก็บถือลงทุนระยาว อีกทั้งถ้ามองว่าตลาดหุ้นยังไปต่อได้ถึง 1,900 จุด น่าจะใช้โอกาสนี้ซื้อหุ้นธนาคารเก็บยาวได้

อีกปัจจัยที่ทำให้มองตลาดหุ้นระยะกลาง และยาวยังดีอยู่ เพราะเห็น ธปท.ปรับเพิ่ม GDP ปี 2018 จากเดิม 3.9% เป็น 4.1% สิ่งที่ปรับเพิ่มมากสุดคือมูลค่าส่งออก ( จาก 4% เป็น 7% ) นำเข้า ( จาก 7.5% เป็น 11.5% ) และการลงทุนภาคเอกชน ( จาก 2.3% เป็น 3%) แม้มีประเด็นการกีดกันการค้าแต่ ธปท.มองผลกระทบไทยจำกัด การนำเข้าที่ปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น ต่อการขยายการลงทุนของเอกชน ขณะที่ปรับเงินเฟ้อลง สะท้อนว่าน่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายอีกระยะใหญ่ แม้ว่าการคงดอกเบี้ยครั้งนี้จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ก็ตาม ภาพรวมถือว่าเป็นบวกต่อตลาดหุ้น

อีกเรื่องที่ตลาดหุ้นให้น้ำหนัก คือเรื่องวันเลือกตั้ง ถ้ายังมีข่าวว่าจะมีอันต้องเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. อาจยื่นร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตีความด้วย ถ้าข่าวเรื่องการเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน ก็จะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงได้

ด้านปัจจัยต่างประเทศ เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ยังคงต้องติดตามท่าทีของทั้งสองประทศต่อไป แม้ว่าจะไม่กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น แต่เรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นได้

ด้านราคาน้ำมันซึ่งมีผลต่อการขึ้นลงของตลาดหุ้น คาดว่าราคาน่าจะยังทรงตัวในระดับสูงได้ เนื่องมาจากข่าวที่ซาอุดิอาระเบีย เตรียมเสนอขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึง ปี 2562

สำหรับการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน เดือนมีนาคม 2561 (ช่วงวันที่ 1 - 29 มีนาคม 2561)นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 10,237.72  ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 8,435.28 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 2,443.25  ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 640.82  ล้านบาท

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในเดือนเมษายนนี้ คือ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานที่ลงมาแรง และเน้นพักเงินลงทุนในหุ้น DOMESTIC PLAY ที่มีความ DEFENSIVE เช่นกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะปลอดภัยสบายใจได้

ช่วงนี้ถ้าจะซื้อหุ้นลงทุนสามารถรอช่วงตลาดหุ้นอ่อนตัวได้ ไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อ ส่วนท่านนักลงทุนท่านใดที่ติดหุ้นก็ให้ถือรอไปก่อน ไม่ต้องรีบร้อนตัดขาดทุนเช่นกัน

ในเดือนนี้ตลาดหุ้นมีแนวรับอยู่ที่ 1,720 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,790 จุด และ 1,820 จุด

ก่อนจากกันเช่นทุกครั้ง ต้องบอกกันว่า  การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง พบกันใหม่เดือนหน้า สวัสดีครับ