คดีฟอกเงินกรุงไทย ชักทะแม่งๆ กองเชียร์อย่ากะพริบตา

เพื่อติดตามการปฏิรูปดีเอสไอและเร่งรัดคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดฉากด้วยการปรับโครงสร้าง เพื่อให้ดีเอสไอตอบโจทย์รัฐบาลและตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งมี วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้ามากำกับดูแลใกล้ชิด จากนั้นเป็นวาระของการติดตามคดีสำคัญ ซึ่งก็ไล่เรียงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น คดีค้ามนุษย์ในอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท คดีการนำเข้ารถยนต์หรูเลี่ยงภาษี ซึ่งฝ่ายผู้ประกอบการเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลหลายครั้ง

บรรยากาศการประชุมถือว่าราบรื่น พูดคุยกันคล่องคอ จนกระทั่งในช่วงท้ายการประชุม มีการหยิบยกคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของแบงก์กรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งปลายทางของเงิน 2 ก้อน ไปแตะกับกลุ่มของพานทองแท้ ชินวัตร จู่ๆ ก็มีใครบางคน พูดขึ้นในทำนองว่า “คดีนี้ต้องไปศาลฎีกานักการเมือง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าการเมือง พนักงานสอบสวนย่อมรู้ดี ขอให้ดูด้วยว่าเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ อย่าดูเพียงแต่หลักฐานที่เห็นตรงหน้า” เจอเข้ากับนโยบายปรองดองเยี่ยงนี้ ทำเอา “ออกญา” ทั้งหลายถึงกับอึ้ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คลำทางไปต่อแทบไม่ถูก เพราะในทางกฎหมายพนักงานสอบสวนต้องให้น้ำหนักกับหลักฐานตรงหน้า ผิด-ถูก ว่ากันตามพยานหลักฐาน มาตรฐานเดียวดีที่สุด

ความคืบหน้าการสอบทุจริตรับฝากข้าวในโครงการรับจำนำข้าว แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 521 คดี จาก 990 คดี เหตุที่ล่าช้าเคลื่อนจากเป้าที่ขีดไว้ เพราะในแต่ละคดีต้องให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาได้ต่อสู้คดี ส่วนคดีที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฟังว่าพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการป.ป.ท.จะเร่งรัดให้ปรากฏผลโดยเร็ว

 สำหรับการตรวจทุจริตเงินของศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง 76 ศูนย์ทั่วไทย พบมูลส่อโกงแล้ว 53 จังหวัด เบื้องต้นยังพอมีข่าวดีให้พอหล่อเลี้ยงหัวใจว่ายังพอมีพื้นที่ที่ตรวจไม่พบความผิดหลงเหลืออยู่บ้าง ส่วนศูนย์ฯที่โกงกันให้พรึ่บพรั่บนั้น แว่วว่า...สำนักนายกฯเตรียมเปิดตำแหน่งรองรับหลายสิบอัตรา สำหรับย้ายไปนั่งรอการไต่สวนความผิดทางอาญา

ว่าไปแล้ว การตรวจสอบสารพัดโกงทั่วไทย ทำอะไร ศอตช.ไม่ได้เลย ผ่านมาจนถึงวันนี้ “บิ๊กจิน” ประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ยังนิ่งไม่เคลื่อนไหว นัยว่า...ท่านคงไม่อยากก้าวก่ายงานคนอื่น...