เจ้าของกิจการต้องมีความรู้เรื่องออนไลน์อย่างจริงจัง
ทุกวันนี้เรียกได้ว่าจีนเป็นโรงงานของโลกไปแล้ว และไม่ใช่เป็นแค่เพียงโรงงานอย่างเดียวแต่ได้สร้างอินฟราสตรักเจอร์ที่เชื่อมกับโรงงาน ทำให้ดีมานด์และซัพพลายเชื่อมเข้าด้วยกัน ด้วยอภิมหาโปรเจค “one belt one road” เส้นทางสายไหมที่จะเชื่อมจากจีนไปยังประเทศต่างๆ
ขณะนี้อาเซียนคือตลาดใหญ่ที่กำลังเป็นเป้าของหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่กำลังต้องการนำสินค้าเข้ามาขาย ขณะเดียวกันก็มีคำถามกลับว่าคนในอาเซียนเองพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้วหรือไม่ อาจมีความพร้อมแค่ในบางอุตสาหกรรม หรือมีความพร้อมในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ไม่มีความพร้อมในอุตสาหกรรมขนาดกลางหรือขนาดเล็ก อย่างเอสเอ็มอี
ตลาดในระดับอาเซียนมีความพิเศษคือมีความหลากหลาย ความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม ซึ่งกำลังค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยมา แต่ที่เริ่มมองเห็นชัดเจนแล้วก็คือในเรื่องของ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น เรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือโลคอสแอร์ไลน์ที่บินเชื่อมอาเซียนเข้าด้วยกัน ฯลฯ Infrastructure กำลังหล่อหลวมรวมอาเซียนเข้าด้วยกัน เมื่อทุกอย่างที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว โอกาสก็จะเป็นของคนที่ปรับตัวได้เร็ว โดยอาเซียนก็อาจจะเป็นโรงงานได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่น่ากลัวก็คือ จีนกำลังบุกทั่วโลกโดยใช้นโยบายออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการนำสินค้าจีนส่งออกนอกประเทศ โดยมีนโยบายหนึ่งที่สำคัญคือการ Subsidies เรื่องค่าขนส่ง หากสั่งซื้อสินค้าจากจีนหลายๆ ชิ้นหรือจากหลายๆ เว็บไซต์จะไม่มีค่าขนส่ง เพื่อกระตุ้นให้โรงงานหรือผู้ผลิตในจีนส่งสินค้าออกนอกประเทศ สิ่งนี้จะส่งผลดีแก่ผู้บริโภคแต่เป็นผลร้ายกับอุตสาหกรรมต่างๆ ในภูมิภาค
มองในแง่ผลิตภัณฑ์ไทยมีอะไรได้เปรียบสินค้าจีนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องมองเป็นหมวดสินค้า ในกลุ่มอาหารนับว่ายังได้เปรียบอยู่เพราะจีนอาจยังไม่ค่อยได้รับความน่าเชื่อถือเท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นสินค้าประเภทอุปโภค เช่น เสื้อผ้า นับว่าจีนมีความได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ฉะนั้นต้องดูว่าไทยอยู่ในอุตสาหกรรมใด และจะแข่งขันกับจีนอย่างไร หรืออาจจะเลือกไปเป็นพันธมิตรกับจีน
ดังนั้นจึงไม่ควรมองแค่เป็นประเทศไทย แต่อาจจะมองว่าเป็นอาเซียน ซึ่งก็จะมีสิทธิพิเศษบางอย่าง เช่น มี FTA มีการเปิดเสรีทางการค้าระหว่างอาเซียน จะทำให้สามารถดึงประโยชน์หรือข้อได้เปรียบที่มีในแต่ละประเทศนำมาวางเป็นกลยุทธ์ที่อาจทำให้ทำธุรกิจมีความได้เปรียบมากขึ้น มากกว่านั้นต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการทำธุรกิจว่าบางประเทศอาจมีข้อได้เปรียบอะไรมากกว่า แล้วใช้ความได้เปรียบนั้นเพื่อธุรกิจ อาศัยความร่วมมือกับทุกธุรกิจในอาเซียนด้วยกัน รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่น
การเริ่มต้น สำหรับคนไทยอาจเริ่มต้นที่ Thaitrade.com ซึ่งถือเป็นบีทูบีมาร์เก็ตเพลสที่ทำได้ดีและสามารถยืนหยัดอยู่ได้ และเวลาที่ต่างชาติจะเข้ามาติดต่อธุรกิจในไทยก็ดูใน Thaitrade.com เช่นกัน หรือวิธีที่จะหามาร์เก็ตเพลสง่ายๆ คือในระดับ country base อยากไปประเทศไหนก็ให้ค้นด้วยชื่อประเทศแล้วต่อด้วย บีทูบีมาร์เก็ตเพลสก็จะพบมาร์เก็ตเพลสที่เป็น บีทูบีทั้งหมด
อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่เป็นพ่อค้าคนกลางนั้นตอนนี้ยิ่งต้องรีบปรับตัวหากธุรกิจเป็นการนำเข้าสินค้าจากจีน เพราะตอนนี้จีนเริ่มเอาสินค้าเข้ามาเอง ต่อไปผู้บริโภคทั่วโลกจะเปลี่ยนเทรนด์ไปซื้อสินค้าจากโรงงานโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านมาร์เก็ตเพลส ผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง
แล้วผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมืออย่างไร ในเชิงผู้ผลิตที่จะส่งออก 1.ต้องดูว่าสินค้ามีแบรนด์หรือไม่ ต้องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพราะแบรนด์จะเป็นตัวกำหนดมูลค่าของสินค้า 2.ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในแง่กระบวนการผลิต เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับธุรกิจ นั่นหมายถึงกำไรและต้นทุนที่จะลดต่ำลง ทำให้การแข่งขันได้ดีมากขึ้น 3.ต้องเริ่มใช้ช่องทางออนไลน์อย่างจริงจัง ขายผ่านออนไลน์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น และมีทีมที่โฟกัสอย่างจริงจัง
4.เจ้าของกิจการต้องมีความรู้เรื่องออนไลน์อย่างจริงจัง 5.ต้องออกขายไปต่างประเทศด้วย และที่จะเสริมคือต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม หาสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ หาความรู้ใหม่ๆ เพื่อจะได้มีมุมมองใหม่ๆ ในการทำธุรกิจต่อไป