“งานบริการปฐมภูมิ”แบบมีส่วนร่วม ยกระดับ อสม.-เสริมจุดแข็ง***

“งานบริการปฐมภูมิ”แบบมีส่วนร่วม ยกระดับ อสม.-เสริมจุดแข็ง***

อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.นั้น เป็นรูปแบบหนึ่งของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน

ผ่านกระบวนการอบรมให้ความรู้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และการปฏิบัติงานด้วยความเป็นจิตอาสา อสม.จึงนับเป็นกำลังสำคัญจากภาคประชาชนที่มาทำงานร่วมกับบุคลากรสาธารณสุขอย่างแข็งขัน ที่ผ่านมาอาจยังพบข้อจำกัดในการทำงานของ อสม.อยู่บ้าง ตามขีดความสามารถเฉพาะบุคคล ซึ่งกระบวนการเสริมสร้างบทบาท อสม.ให้มีศักยภาพในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสมกับบริบทของชุมชนพื้นที่นั้นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการทำงานของ อสม.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วิจัยเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วม กระบวนการสร้าง-ยกระดับ อสม.พื้นที่

แนวคิด “การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม” หรือ “Participation Action Research” เป็นการทำงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมไม้ร่วมมือและการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยก้าวข้ามความต่าง และมองหาจุดแข็งของกันและกัน เป็นต้นทุนในการพัฒนางานวิจัยให้สามารถนำความรู้ไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน ตลอดจนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพกลุ่มประชากรเปราะบาง รวมทั้งเป็นกรอบการสร้างและยกระดับศักยภาพของ อสม. ซึ่งเป็นกระบวนการวิจัยเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ทั้งที่เป็นชาวบ้านและนักพัฒนา กับผู้วิจัยภายนอก เพื่อให้เกิดการพัฒนาสอดคล้องกับสภาพสังคมนั้นๆ

ที่ผ่านมา สวรส.ได้มีการสนับสนุนทุนวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ที่มีการพัฒนาระบบเครือข่าย การพัฒนาระบบบริการ การพัฒนาหลักสูตร ที่มีการอบรมพัฒนาศักยภาพ อสม. โดยการวิจัยให้ความรู้ และเสริมสมรรถนะในการเป็นผู้จัดการรายกรณี เพื่อสนับสนุนให้ทั้งสูงอายุที่อยู่ในภาวะเปราะบาง ได้รับการบริการสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บนกระบวนการติดตามการดำเนินงานเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง อาทิ

“งานบริการปฐมภูมิ”แบบมีส่วนร่วม ยกระดับ อสม.-เสริมจุดแข็ง***

โครงการพัฒนาเครือข่ายบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและกลุ่มติดเตียงฯ”  ชุมชนฮ่องห้า (หมู่ 1, 6, 7, 8) ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เป็นหนึ่งในอีกหลายพื้นที่วิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ฮ่องห้า มีประชากรรวม 3,183 คน มีประชากรวัย 60 ปีขึ้นไปถึง 859 คน หรือ 27% โดยพบว่ามีผู้สูงวัยที่มีภาวะพึ่งพิงจากการป่วยติดบ้าน 50 คน และป่วยติดเตียง 12 คน ทั้งนี้ปัญหาสำคัญพบว่า ผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงบางรายไม่มีคนดูแล บางรายขาดการเข้ารับบริการที่ต่อเนื่อง ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากแผลกดทับ ข้อติด การหกล้ม ฯลฯ

เพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ทีมวิจัยจึงมีการพัฒนาระบบเครือข่ายบริการฯ ด้วยรูปแบบของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยประสานการทำงานจากภาคีต่างๆ ได้แก่ 1.ภาคีบริการสุขภาพ เช่น สหวิชาชีพ จาก รพ.สต.ฮ่องห้า รพ.แม่ทะ 2.ภาคีบริการชุมชน/ท้องถิ่น เช่น อสม. เทศบาล ผู้นำชุมชน ชมรมจิตอาสา และ 3.ภาคีบริการสังคม เช่น พัฒนาสังคมจังหวัด ครูจากโรงเรียนในพื้นที่ เป็นต้น ร่วมดำเนินงานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปี ได้มีการพัฒนารูปแบบเครือข่ายบริการสุขภาพผู้สูงอายุติดบ้าน/ติดเตียงต่างๆ ขึ้น

“ในกระบวนการฯ ทีมวิจัยได้ร่วมกับบุคลากรสาธารณสุขพื้นที่ คัดเลือก อสม. เพื่อเข้ามาพัฒนาศักยภาพให้มีความรู้และทักษะในการเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Caregiver : CG) ตามหลักสูตรของกรมอนามัย รวมทั้งการคัดกรองและประเมินภาวะสุขภาพของกรมการแพทย์ เช่น ประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน การประเมินสุขภาพช่องปาก จากนั้นเริ่มลงพื้นที่ร่วมกับแพทย์ พยาบาล และทีมวิจัย ฝึกปฏิบัติทักษะการดูแล โดยชุมชนฮ่องห้า มี อสม.ผ่านการพัฒนาศักยภาพเป็น CG จำนวน 15 คน มาร่วมดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 62 รายในชุมชน ผลจากการปฏิบัติงานของ อสม.สู่ CG สามารถเข้าถึงชุมชน เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การให้อาหารทางสายยาง การดูแลสายระบายปัสสาวะ การช่วยฟื้นฟูสภาพข้อติด รวมถึงบางรายต้องการรถเข็นหรือเตียงซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่าย อสม.ก็จะเป็นตัวกลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาลหรือพัฒนาสังคมจังหวัดดำเนินการจัดหาต่อไป” นักวิจัยกล่าวพัฒนาคู่มือ 2 ภาษาไทย-มลายู สำหรับ อสม.บ้านควน ดูแลผู้สูงวัยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

โครงการการพัฒนารูปแบบการจัดการสุขภาพของผู้สูงอายุไทยมลายูที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในวิถีแห่งวัฒนธรรมในภาคใต้ของไทย เป็นการศึกษาในชุมชนบ้านควน (หมู่ 1, 4) ต.บ้านควน อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ เนื่องจากโรคความดันโลหิตเป็นภัยเงียบที่อาจเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ แตก ตัน ในผู้ป่วยได้ทุกช่วงนาที การสื่อสารกับผู้ป่วยในชุมชนโดย อสม.จึงแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรัง เพราะ อสม.มีความเข้าใจในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม และการอยู่ร่วมกันกับผู้ป่วยและญาติ 

“งานบริการปฐมภูมิ”แบบมีส่วนร่วม ยกระดับ อสม.-เสริมจุดแข็ง***

ขณะที่ทีมวิจัย จัดทำปฏิทินเตือนใจให้กินยา ซึ่งในปฏิทินจะมีตลับยาที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกินยาได้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดปัญหาการลืมกินยา หรือหยุดใช้ยาเองของผู้ป่วย การทำแบบบันทึกการติดตามสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลหรือ อสม. การจัดทำคู่มือ 2 ภาษาไทย-มลายู สำหรับให้ความรู้กับชุมชนที่ใช้ได้ทั้งไทยพุทธและไทยมลายู เช่น การสร้างความเชื่อที่ไม่ขัดหลักศาสนาในการปรุงอาหารให้หวาน มัน เค็ม ลดน้อยลง และเพิ่มอาหารการกินมาเป็นประเภทต้ม นึ่ง ย่าง ตลอดจนการฝึกบริหารร่างกายด้วยตนเองเพื่อสร้างภูมิร่างกายป้องกันจากภาวะโรคแทรกซ้อน ควบคู่ไปกับการรายงานผลต่อ รพ.สต. เพื่อประเมินอาการคนไข้ทุกสัปดาห์

ส่วนโครงการวิจัยพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กรณีการดูแลคนพิการสูงอายุในชุมชน งานวิจัยเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วม บนแนวคิดเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ สำหรับการพัฒนาสมรรถนะ อสม.ใน ต.นาเคียน ให้สามารถทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรายกรณี และมีรูปแบบการให้การดูแลคนพิการสูงอายุในชุมชน

ผลจากการติดตามการทำงานของ อสม.ตลอด 10 สัปดาห์ พบว่าการทำงานติดตามคนพิการสูงอายุในพื้นที่ ต.นาเคียน มีรูปแบบการจัดการที่เป็นรูปธรรม โดยใน 1 สัปดาห์ จะมีนักกายภาพลงพื้นที่ร่วมกับ อสม.ตามการแบ่งเวรไปเยี่ยมเยือน บางครัวเรือนก็นำรถมารับเจ้าหน้าที่ถึง รพ.สต. ผลลัพธ์สะท้อนกลับมาด้วยรอยยิ้ม ทุกสัปดาห์ญาติผู้ป่วยต่างเฝ้ารอทีม อสม. เตรียมน้ำเตรียมอาหารต้อนรับ จนเกิดความสนิทสนมเหมือนเป็นญาติกัน ปัจจุบันทีมวิจัย สวรส.ได้มีการนำหลักสูตรการพัฒนา อสม. และรูปธรรมความสำเร็จจากการดำเนินงานในพื้นที่ ต.นาเคียน เสนอต่อสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพ เขต 11 นครศรีธรรมราช เพื่อพิจารณานำหลักสูตรและรูปแบบการดำเนินงานไปขยายผลในชุมชนอื่นๆ ต่อไป

ความสำคัญของการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม จากทั้ง 3 พื้นที่กรณีศึกษา นับเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุพิการ และผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง โดยการมีส่วนร่วมของ อสม. และเพิ่มศักยภาพ อสม.ในการเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบบริการปฐมภูมิดีมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญของการทำหน้าที่ อสม. เกิดขึ้นจากการมีจิตอาสา รวมทั้งเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ต่อเนื่อง ละเอียดอ่อน และเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ อันจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพชุมชนที่เข้มแข็งได้ต่อไป

โดย... หน่วยสื่อสารความรู้ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.)

*** ชื่อเต็ม: 

วิจัย “งานบริการปฐมภูมิ” แบบมีส่วนร่วม

ยกระดับ อสม.-เสริมจุดแข็งให้ชุมชน