พรรคอนาคต(เก่า) กับ “พรรคอนาคตใหม่”

พรรคอนาคต(เก่า) กับ “พรรคอนาคตใหม่”

พรรคอนาคตใหม่เปิดตัวกันไปแล้ว เรียกกระแสได้ดีทีเดียว ต้องรอดูว่า พรรคของ กปปส.ที่จะเผยโฉมหน้าคณะผู้ก่อการ ประมาณต้นเดือน เม.ย.นี้

จะกระชากเรตติ้งได้มากน้อยแค่ไหน?

หันมาทางพรรคอนาคต(เก่า)อย่าง “พรรคเพื่อไทย” กลายเป็นเรื่องอลวนอลเวง เมื่อ “พชร” ลูกชายเสี่ยพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาปะฉะดะ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หวังจะสื่อความหมายว่า คุณหญิงหน่อยไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยต้องการผู้นำคนรุ่นใหม่

พลันที่ “ลูกเถ้าแก่” ได้ยินก็ลุกขึ้นมาเฉ่งลูกชายเสี่ยพิชัยเสียยับเยิน โดย "พานทองแท้ ชินวัตร" โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ค Oak Panthongtae Shinawatra ทำนองอย่าริสร้างชื่อเสียงด้วยวิธีการแบบนี้ พรรคจะพัง

“ใช้วิธีปั่นกระแสแบบนักเลงคีย์บอร์ดโบราณ เปิดเพจวันเสาร์ พอวันจันทร์ก็ให้เด็กโพสต์ ผู้ใหญ่กระจายข่าว ยัดข่าวให้สื่อนำบทความจากเฟซบุ๊คไปลงต่อ ทั้งแชร์ทั้งรีโพสต์รายชั่วโมง"

จากนั้น “โอ๊ค” ขึ้นธรรมาสน์นั่งเทศน์ต่อ เพราะลูกชายเสี่ยพิชัยแจงว่า ที่ต้องแสดงทัศนะอย่างนั้น เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตั้งพรรคชิงมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยเช่นกัน

“ถ้าพรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชนคนรักประชาธิปไตย ไม่เป็นพันธมิตรกัน มัวแต่งแก่งแย่งชิงคะแนน และคิดกันได้แค่นี้ ไม่มีทางที่จะชนะพรรคเผด็จการฯได้...พูดเลย"

จะว่าไปแล้ว รูปแบบการเปิดตัวของ “พรรคอนาคตใหม่” ก็คือการตลาดการเมือง ที่พ่อของโอ๊ค-พานทองแท้ เคยทำมาแล้ว ถ้ายังจำกันได้การเลือกตั้ง 2 ก.ค.2538 ทั่วทั้งกรุงเทพฯ มีแต่ป้ายหาเสียงรูป “ทักษิณ ชินวัตร” ยืนชูมือชี้ไปข้างหน้า “เพื่อการเมืองใหม่ เพื่ออนาคตใหม่”

นั่นเป็นก้าวแรกของนักธุรกิจสื่อสารในสมรภูมิการเมือง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรม คนที่ 4

แต่สมัยโน้น ความไม่ลงตัวของการเมืองแบบคนดี และการเมืองแบบอนาคตใหม่ “ทักษิณ” จึงประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในการเลือกตั้งครั้งต่อมา พร้อมกับอำลาพรรคพลังธรรม

อย่างไรก็ตาม ทีมงานการตลาดของทักษิณเป็น “นักสร้างแบรนด์” โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์คน (Personal Brand) พวกเขาเชื่อมั่นในทฤษฎี Political Marketing ที่ว่า “พรรคการเมืองจะประสบชัยชนะในการเลือกตั้งได้ ต้องเป็นพรรคที่มีเข็มมุ่งทางการตลาดเท่านั้น”

“ทักษิณ“ สร้าง ”พรรคไทยรักไทย“ ด้วยการนำกลยุทธ์การตลาดเข้ามาใช้ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา จนสามารถเสนอ ”โปรดักต์" ที่เรียกว่า "ประชานิยม" อันแตกต่างในตลาดจนประสบชัยชนะในสนามเลือกตั้ง

พรรคอนาคตใหม่ กำลังก้าวเดินไปตามทฤษฎี Political Marketing โดยเริ่มจากการสร้างแบรนด์ “ผู้นำพรรค” อย่าง “เอก-ธนาธร” กับ “ป๊อก-ปิยบุตร” ให้คนรุ่นใหม่จริงๆ และมีแนวคิดที่ฉีกจากพรรคเก่าๆ

“โอ๊ค” มองเห็นสถานการณ์ในวันข้างหน้า จึงประกาศเป็นพันธมิตรกับพรรคอนาคตใหม่อย่างไม่เป็นทางการ ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุดท้ายย่อมต้องรับฟังคำชี้แนะจาก “คนชินวัตร” อย่างไม่ต้องสงสัย

และคาดว่า สมรภูมิเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยย่อมเป็นแนวร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ ตามยุทธศาสตร์โหวตต้านการสืบทอดอำนาจ