แย่ลงเพราะเก้าอี้

แย่ลงเพราะเก้าอี้

คนที่เคยรู้จักว่าดีหลายคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะได้นั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ผู้ใดได้นั่งแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนแปลงไป

เก้าอี้ตัวนั้นคือเก้าอี้ผู้บริหารนั่นเอง ทำไมเก้าอี้นี้จึงมีฤทธิ์เดชสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยในการทำงานของคนไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ คำตอบคืออำนาจที่เกิดขึ้นกับคนที่ได้นั่งเก้าอี้นั้นคิดปรุงแต่งขึ้นมานั่นเอง คนที่เพื่อนฝูงรักใคร่ สามารถกลายเป็นยักษ์มารในสายตาเพื่อนฝูงเพียงเพราะอำนาจที่คนนั้นคิดว่าได้มาจากเก้าอี้นั้น ในทางตรงข้ามคนธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นคนวิเศษสำหรับอีกหลายคนได้เพราะอำนาจจากเก้าอี้ผู้บริหารเช่นเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วเก้าอี้มิได้มีความวิเศษใดๆ คนเราเองต่างหากที่ปรุงแต่งความวิเศษนั้นขึ้นมาเอง แล้วผลักดันตนเองไปในทางที่เป็นผู้บริหารที่เก่งและดี หรือกลับกันคือกลายเป็นผู้บริหารที่ไม่ดี และไม่เก่ง

ถ้าได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหารแล้ว รู้สึกเป็นใหญ่เป็นโต อาการขี้อิจฉาและบ้าอำนาจจะตามมาทันที เพราะคิดไปว่าวันนี้ฉันเป็นใหญ่ พอใครทำอะไรไม่ได้ดังใจ ก็มักแสดงอำนาจจนเกินเลยหน้าที่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ต้องการให้ได้งานดั่งใจ เลยเผลอออกท่าทางวางอำนาจออกไปโดยไม่รู้ตัว คนน่าคบคนหนึ่งกลายเป็นคนบ้าอำนาจ เพราะเก้าอี้ผู้บริหารโดยแท้ อาการขี้ิอิจฉามาจากความคิดว่ากว่าฉันจะได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ต้องใช้ความพยายามมามากมายนักหนา ดังนั้นเมื่อเห็นใครได้ดีเท่าๆ กับที่ตนเองได้ จึงมองด้วยสายตาว่าใครคนนั้นไม่ได้เก่งเท่ากับตนเอง ในทางตรงข้าม ถ้าเห็นใครเสียท่าพลาดพลั้งผิดพลาด จะเกิดความสะใจขึ้นอย่างประหลาด ประหนึ่งได้กระทำสิ่งที่สุขอกสุขใจ คนน่าคบก่อนเป็นผู้บริหาร กลายเป็นผู้บริหารขี้อิจฉา และบ้าอำนาจไปจนได้

ก่อนทำหน้าที่ผู้บริหาร ทำงานไปได้เรื่อยๆ พลาดพลั้งอย่างไรก็มีผู้บริหารมารับหน้าเสื่อไปได้ พอเป็นผู้บริหารเต็มตัว เริ่มทำงานก็ต้องทำตามกฎหมายตั้งแต่วินาทีแรกที่รับหน้าที่ หลายคนเริ่มเปลี่ยนในตอนนี้ บางคนที่ไม่แม่นกฎระเบียบก็กลายเป็นทำงานตามหลักกูก่อน กฎหมายมาทีหลัง

ลูกน้องพากันลำบากเพราะต้องทำงานตามหลักกูที่ไม่ใช่หลักการที่มาตามกฎหมาย ดังนั้นถ้าอยากเป็นผู้บริหารที่ดี คงต้องตระเตรียมตัวเรื่องกฎระเบียบกันไว้ให้ดีก่อน ไม่งั้นจะ กลายเป็นคนที่ล้ำเลิศเรื่องหลักกู รู้ดีไปทุกเรื่อง ใครที่อ้างว่าเป็นผู้บริหารที่เป็นคนดี ดูไม่ยากว่าทำจริง หรือแค่ดีแต่โว ดูแค่ว่าใครคนนั้นทำงานโดยละเลยกฎหมายหรือไม่ ถ้าเห็นกฎหมายเป็นเรื่องที่ยกเว้นได้สำหรับตนเอง ผู้บริหารคนนั้นจะถือศีลกินเจมากแค่ไหน ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้บริหารที่เป็นคนดี ถ้าใครนั่งแล้วกลายเป็นคนที่ล้ำเลิศเรื่องหลักกู เก้าอี้นั้นไม่เหมาะสำหรับคนนั้น

นอกจากนั่งเก้าอี้ผู้บริหารแล้ว จะต้องทำงานโดยยึดมั่นในตัวบทกฎหมายแล้ว ยังต้องมีความตระหนักในทุกอย่างที่ทำว่าทำแล้วไม่ดีกับคนอื่นอย่างไร ไม่ใช่นั่งแล้วทำอะไรไม่คิดไม่นึกว่าจะดีกับใคร จะไม่ดีกับใคร กลายเป็นคนขาดคุณธรรมไปเลย และที่สำคัญขึ้นไปอีกคือคนดีทำงานอย่างมีความรับผิดชอบ รู้ว่าแค่ไหนคือความสำเร็จ แค่ไหนคือล้มเหลว หากล้มเหลวก็รู้ว่าตนเองต้องแก้ไขอย่างรับผิดชอบอย่างไรบ้าง โดยไม่ต้องมีใครมาคอยบอกให้ทำ รู้ว่าแค่ไหนคุ้มค่า แค่ไหนแพงเกินจริง โดยไม่ต้องรอให้ใครมาตะโกนบอกว่างานนี้แพงเกินไป รู้ตัวว่าทุกอย่างที่ทำต้องโปร่งใส ใครๆ ก็ตรวจสอบได้ ไม่ใช่บ้าอำนาจจนไม่เห็นถูก ไม่เห็นแพง ไม่เห็นความคุ้มหรือไม่คุ้ม อยากทำอะไรก็จะทำ เพราะสำคัญตนผิดว่านั่งเก้าอี้ผู้บริหารแล้วตนเองจะรู้ดีไปทุกเรื่อง

ผู้บริหารเป็นผู้นำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สร้างความสำเร็จที่ดีขึ้น และมีหนทางไปสู่ความสำเร็จนั้นอย่างชัดเจน ต้องเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และถ่ายทอดวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผล การคุยเรื่องวิสัยทัศน์นั้นใครก็คุยได้ ทุกคนจึงกลายเป็นคนคุยเฟื่องเรื่องฝันได้ แต่ถ้าขาดความสามารถในการถ่ายทอดวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ ผู้บริหารคนนั้นเป็นแค่คนคุยเฟื่องเรื่องฝัน แต่อยู่นานวันก็ไม่ปรากฏผลงานใดๆ

อย่าให้เก้าอี้ตัวหนึ่งเปลี่ยนท่านให้กลายเป็นคนขี้อิจฉา บ้าอำนาจ ขาดคุณธรรม เลิศล้ำหลักกู รู้ดีทุกเรื่อง คุยเฟื่องแต่เรื่องฝัน ที่นานวันไร้ผลงาน เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งเลย เพราะทุกวันนี้มีมากมายแล้ว