เศรษฐกิจจีนไม่น่าจะชะลอตัว

เศรษฐกิจจีนไม่น่าจะชะลอตัว

เศรษฐกิจจีนไม่น่าจะชะลอตัว

ในช่วงนี้ รัฐบาลจีนอยู่ระหว่างการประชุมสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติในระหว่างวันที่ 3 – 15 มีนาคม ซึ่งดำเนินการประชุมคู่ขนานไปกับการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน ที่ประชุมในระหว่างวันที่ 5 – 20 มีนาคม เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาการเมืองและเศรษฐกิจ

จากรายงานของหนังสือพิมพ์ซินหัว รัฐบาลจีนยังคงตั้งเป้าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ไว้ที่ 6.5% พร้อมทั้งลดการใช้พลังงาน ลดกำลังการผลิตส่วนเกินในหมวดอุตสาหกรรมเหล็ก ลดภาษีธุรกิจและภาษีบุคคลธรรมดา ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเสรีในภาคการผลิตมากขึ้น และสนับสนุนให้มีการนำเข้ามากขึ้น

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า การที่รัฐบาลพยายามปรับลดหนี้ในระบบ แก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน และแก้ไขปัญหามลพิษ จะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เพราะในอดีตที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเติบโตมาจากสินเชื่อ รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินและก่อให้เกิดปัญหามลพิษ มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ดี ดังนั้น การที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ จึงน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนโดยรวมชะลอตัวลง

แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เหล่านี้อาจมองข้ามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโครงสร้างของเศรษฐกิจจีน กล่าวคือ ในปัจจุบันสัดส่วนของการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาคบริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ เพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่บทบาทของการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมพื้นฐาน เช่น เหล็ก ถ่านหิน ฯลฯ มีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจน้อยลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจีนพยายามลดปัญหาหนี้สิน ปัญหามลพิษ และกำลังการผลิตส่วนเกิน ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มทำในช่วงนี้ แต่รัฐบาลจีนได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของหนังส์พิมพ์ซินหัวระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หนี้สินในระบบของจีนค่อยๆทยอยลดลง จำนวนวันที่มีปัญหามลพิษรุนแรงในเมืองหลักลดลงครึ่งหนึ่ง และกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมพื้นฐานลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เศรษฐกิจจีนในปีที่ผ่านมาสามารถเติบโตถึง 6.9% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 6.5% และผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง ทั้งนี้การที่เศรษฐกิจจีนในปีที่แล้วเติบโตได้ดี เพราะการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยียุคใหม่ เช่น โซลาร์เซลล์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ยานยนต์ ไอที ฯลฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงอุตสาหกรรมในภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว การขนส่ง การเงิน ฯลฯ ขยายตัวในอัตราที่สูงเช่นกัน ได้เข้ามาทดแทนการหดตัวของอุตสาหกรรมดั้งเดิม และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น

การที่จีนสามารถปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว อาจส่งผลให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะในการวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักจะใช้ข้อมูลในอดีตเป็นฐานในการวิเคราะห์ ดังนั้น หากมีปัจจัยหรือโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปก็อาจส่งผลให้การวิเคราะห์ขาดความแม่นยำได้  ในขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนยังคงพยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่าการวิเคราะห์ของตัวเองถูกต้อง เช่น นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าตัวเลขจีดีพีของจีนไม่น่าเชื่อถือ เพราะข้อมูลของบางเมือง เช่น มองโกเลีย ไม่น่าถูกต้อง ทั้งๆที่เศรษฐกิจมองโกเลียเล็กกว่าเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ซึ่งข้อมูลสามารถเชื่อถือได้อย่าง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เสินเจิ้น ฯลฯ อยู่มาก

เมื่อพิจารณาจากทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจจีน ณ ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนไม่น่าจะชะลอตัวลงอย่างที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดไว้ ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวได้ดีกว่าที่คาด ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยการผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และภาคบริการจะช่วยทดแทนการชะลอตัวของอุตสาหกรรมดั้งเดิม นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจีนมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น จะช่วยให้เกิดการลงทุนและการจ้างงานมากขึ้น การเปิดเสรีในภาคการผลิตพร้อมทั้งลดภาษีธุรกิจจะช่วยให้จีนได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และจะดึงดูดให้มีการลงทุนมากขึ้น การลดภาษีบุคคลธรรมดาจะช่วยให้ชาวจีนมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่การเพิ่มการนำเข้าจะช่วยลดแรงกดดันจากการที่จีนเกินดุลการค้ากับหลายประเทศ และช่วยสนับสนุนให้สัดส่วนการบริโภคภายในประเทศสูงขึ้น (ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย)

การที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจจีน แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรศึกษาข้อมูล และสามารถรับความเสี่ยงจากตลาดหุ้นจีนได้