บิ๊กดาต้าของผู้ใหญ่ถล่มปัญญาลูกหลาน

บิ๊กดาต้าของผู้ใหญ่ถล่มปัญญาลูกหลาน

มีแอปที่นักจิตวิทยาในเมืองฝรั่งใช้แก้ไขอาการมองโลกในแง่ร้าย โดยแอปทำง่าย ๆด้วยการฝึกให้คนที่ใช้แอปนั้นคุ้นเคยกับหน้าตายิ้มแย้ม มากกว่าหน้าตา

จากการที่ค้นพบความจริงว่า คนมองโลกในแง่ร้ายจะมองเห็นคนหน้าตามีทุกข์ได้เร็วกว่าคนปกติทั่วไป แอปจึงเหนี่ยวนำให้คุ้นเคยกับหน้าตาที่มีสุขมากกว่าหน้าตาอมทุกข์นานาประเภท และเมื่อคุ้นเคยแล้วก็จะมองเห็นหน้าคนมีความสุขก่อน ซึ่งเป็นผลให้การมองโลกในแง่ร้ายลดลง ดังนั้นถ้าแต่ละวันในยุคบิ๊กดาต้า ถ้าใครได้เห็นได้เห็นยินแต่เรื่องแย่ ๆ จะดูเว็ป อ่านเครือข่ายโซเชียล ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ อ่านหนังสือพิมพ์ เรื่องเลวเรื่องแย่เห็นชัดมาก่อนเรื่องดี ๆ คนนั้นจะมีอาการไม่ต่างไปจากคนที่ทั้งวันเจอแต่หน้าบูดบึ้ง จนโปรแกรมตัวเองให้เชื่อว่าที่ไหนมีคน ที่นั่นมีเรื่องแย่ ๆ และเรื่องแย่ ๆเหล่านั้นจะฝั่งติดอยู่ในใจคนนั้น จนวันหนึ่งจะแปรสภาพเป็นเสมือนสัญชาติญาณ คือทำเรื่องแย่ๆได้โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ทำแย่ได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอสารพัดบิ๊กดาต้าเรื่องแย่ เรื่องเลว ซำ้ซากจนออกอาการทำเลวได้อย่างหน้าตาเฉยไปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำตามที่นักจิตวิทยาฝรั่งบอกไว้ คือให้เสาะหาบิ๊กดาต้าที่เป็นเรื่องดี ๆมาเติมเต็มคลังสมองของตนเองบ้าง ถ้าทำได้ ก็จะค่อย ๆมีหิริโอตัปปะเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย แต่ถ้าเป็นลูกหลานที่เราอยากให้คนเป็นคนดีคนเก่ง มีคำขวัญให้ลูกหลานจดจำนำไปประพฤติปฏิบัติมากมาย เราบอกว่าเล่นการพนันเป็นเรื่องไม่ดี แต่บิ๊กดาต้าของผู้ใหญ่เติมเต็มให้เรื่องการพนันกลายเป็นเรื่องใหญ่ยาวนานนับเดือน เรื่องการพนัน การโกหก และการร่วมมือกันทำเรื่องไม่ดี กระหน่ำผ่านทุกช่องทางเข้าถึงข้อมูล จนใครที่ไม่พูดไม่คุยเรื่องการพนันที่พันอยู่กับการโกหกหน้าตายเป็นคนทีี่ผิดปกติ บิ๊กดาต้าแบบนี้ไม่ต่างจากส่งภาพคนหน้าตาบูดบึ้งให้ลูกหลานดูเป็นประจำ จนกระทั่งลูกหลานมองโลกแง่ดีไม่เป็น แต่ต่างกันที่บิ๊กดาต้าของการพนันที่พันอยู่กับการโกหก ไม่ได้ทำให้ลูกหลานแค่มองโลกไม่ดี แต่ถล่มปัญญาของลูกหลานให้จมอยู่กับการพนัน และการโกหก และยิ่งนานวันยิ่งตอบได้ยากมากว่าทำไมการพนัน และการโกหกเป็นเรื่องที่ไม่ดี ในเมื่อบิ๊กดาต้าจากผู้ใหญ่มีแต่เรื่องการพนัน และการโกหก

หนทางแก้ไขป้องกันไม่ให้บิ๊กดาต้าจากผู้ใหญ่มาทำลายปัญญาของลูกหลาน ทำได้ไม่ง่ายนักในยามที่พยายามคุยเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ และพยายามคุยเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก การอธิบายโดยยึดตรรกะว่าทำไมเรื่องนั้นไม่ดี เรื่องนี้ดีอาจสร้างตรรกะที่เป็นสองมาตรฐาน คือใช้ตรรกะต่างกันในเรื่องเดียวกันที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ผู้ใหญ่ที่เป็นคนอธิบายจะใช้ตรรกะใดก็ได้ในการอธิบาย แต่ลูกหลานที่รับบิ๊กดาต้าจากผู้ใหญ่ไปประมวลเป็นปัญญาในตัวเขา จะกลายเป็นปัญญาที่ไร้ตรรกะ เป็นปัญญาที่ไร้หลักการ ซึ่งลองคิดดูเถอะว่าแค่ศรีธนนชัยคนเดียว ยังกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ถ้าผู้ใหญ่แทบทุกคนในวันหน้าใช้ปัญญาอย่างไร้หลักการ ศรีธนนชัยเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วจะเป็นอย่างไร

ใครอยากให้ลูกหลานมีปัญญาที่มีพื้นฐานจากตรรกะ และหลักการ คงต้องคุยความจริงกับลูกหลานว่าอะไรเป็นอย่างไร ช่วยกรองความลำเอียงที่แทรกซึมมาพร้อมกับบิ๊กดาต้าจากผู้ใหญ่ออกไปให้มากที่สุดที่จะทำได้ แต่ต้องไม่ตัดสินให้ลูกหลานเองว่าที่ถูกเป็นอย่างไร ที่ผิดเป็นอย่างไร ต้องให้เขาประมวลบิ๊กดาต้าที่เขาได้จากผู้ใหญ่ให้กลายเป็นปัญญาที่มีหลักการด้วยตัวเขาเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ

เล่ากันว่าเมื่อหลายปีมาแล้วตั้งแต่ยังไม่เป็นยุคบิ๊กดาต้า อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งมีลูกไปเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับสูงของโลกทุกคน ท่านบอกว่าที่ลูกท่านไปได้ดีเช่นนั้น เพราะท่านได้ใช้เวลาสร้างปัญญาให้ลูกของท่านผ่านสารพัดกิจกรรม ทั้งดนตรี กีฬา และการปุจฉาวิสัจชนาระหว่างพ่อลูกเพื่อสร้างตรรกะในการคิดวิเคราะห์ ลูกท่านทุกคนไม่ดูโทรทัศน์ ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ฟังวิทยุ เสมือนหนึ่งไม่รับบิ๊กดาต้าสมัยนั้น เลยไม่ถูกบิ๊กดาต้าที่ไร้สาระจากผู้ใหญ่ไปถล่มให้ด้อยปัญญาลงไปแต่ประการใด