หากจะบูชามหาเศรษฐี

หากจะบูชามหาเศรษฐี

ในช่วงนี้ เรื่องเกี่ยวกับมหาเศรษฐีไทยเป็นข่าวใหญ่พาดหัวทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องการล่าสัตว์และการรุกป่า เรื่องของมหาเศรษฐีอเมริกันจึงถูกกลบ

ไปเกือบหมด ในฐานะผู้ติดตามกิจกรรมของมหาเศรษฐีอเมริกันหลายคนมานาน ขอนำเรื่องของบางคนมาเล่าอีกครั้ง (ผลของการติดตามผมได้เขียนไว้ในหลายโอกาสด้วยกัน เช่น หนังสือเรื่อง “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2543 และอาจดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์วิทยาทานของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com และเรื่อง “มหาเศรษฐีขี้ไม่เหนียว” ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2554 และบทคัดย่อภาษาไทยของหนังสือที่มหาเศรษฐีเหล่านี้เขียนไว้ซึ่งอาจดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์เดียวกัน)

เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามีภรรยา บิล และเมลินดา เกตส์ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกประจำปีอีกครั้ง ตามธรรมดาจดหมายนี้เป็นเสมือนรายงานการดำเนินกิจการประจำปีของมูลนิธิเพื่อการกุศลของเขา จดหมายดังกล่าวเป็นฉบับที่ 10 ซึ่งพอดีตรงกับวาระครบรอบ 10 ปีที่ บิล เกตส์ ลาออกจากหัวหน้าคณะผู้บริหารบริษัทไมโครซอฟท์ของเขาเพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้แก่กิจการของมูลนิธิ (ขณะนี้เขาอายุ 62 ปี เขาคือ “กระทิง” ในหนังสือเรื่อง “เสือ สิงห์ กระทิง แรด”) การเขียนจดหมายในแนวนี้มหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้ทำมาก่อนเป็นเวลานานจนกลายเป็นประเพณีสำหรับกิจการของเขาแล้ว บิล เกตส์ อายุน้อยกว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ 25 ปี ทั้ง 2 มีความสนิทสนมกันมาก แนวคิดในการเขียนจดหมายของบิล เกตส์ จึงอนุมานได้ว่ามาจากเพื่อนรุ่นพี่

คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า บิล เกตส์และภรรยาตั้งมูลนิธิขึ้นมาช่วยชาวโลกในหลากหลายด้านรวมกันนับเป็นปีละนับพันล้านดอลลาร์ เงินส่วนใหญ่มาจากการปันผลของหุ้นในบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งเขาทั้ง 2 ได้มอบให้มูลนิธิ ซึ่งตอนนี้มีมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนั้น มูลนิธินี้จะต้องบริหารทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาคของวอร์เรน บัฟเฟตต์ อีกจำนวนมากซึ่งยากจะประเมินว่าเท่าไร หากดูจากมูลค่าทรัพย์สินล่าสุดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ทรัพย์ที่บริจาคเพื่อการกุศลผ่านมูลนิธิของบิล เกตส์ คิดได้ราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

จดหมายฉบับล่าสุดของบิล เกตส์ และภรรยาแตกต่างกับฉบับก่อนๆ มาก เนื่องจากเขามิได้เขียนถึงการดำเนินงานของมูลนิธิโดยตรง หากยกคำถาม 10 ข้อที่เขาอ้างว่าหลายฝ่ายส่งไปถึงเขาบ่อยครั้งที่สุดมาตอบ เขาบอกว่าคำถามที่เขาได้รับบ่อยครั้งที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การถามนี้บ่อยมาก ถึงขนาดเมื่อนับจำนวนครั้งแล้วมากกว่าจำนวนครั้งรวมกันของคำถามอีก 9 ข้อต่อไป

คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีจุดยืนที่แตกต่างไปมากจากของประธานาธิบดี อเมริกันคนก่อนๆ ไม่ต่ำกว่า 3 คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าขาย การให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ การเอาใจมหาเศรษฐี การมองสิทธ์ของสตรีและการเท่าเทียมกันของบุคคล แต่คงไม่เป็นที่ทราบกันดีนักว่า ทั้งบิล เกตส์และวอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของทรัมป์เป็นส่วนใหญ่ แม้จะได้รับผลพลอยได้มหาศาลจากนโยบายของทรัมป์ก็ตาม เช่น เพิ่งมีรายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะได้ลดภาษีรวมกันเป็นเงินถึง 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์จากนโยบายของทรัมป์

บิล เกตส์ ตอบว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่มองได้ว่าเห็นแก่ตัวมากและการลดการช่วยเหลือต่างประเทศของนายทรัมป์ นโยบายในด้านนี้ของประธานาธิบดีคนก่อนๆ เป็นผลดีต่อทั้งชาวโลกและชาวอเมริกันเอง ส่วนการใช้อำนาจบาตรใหญ่และพลังทางทหารจะมีแต่ผลเสีย เมลินดา ตอบว่า การลดการสนับสนุนการศึกษาของทรัมป์ โดยเฉพาะแก่คนจนจะมีผลเสียมาก นอกจากนั้น เธอยังตอบแบบประณามทรัมป์ว่า เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในด้านการหยามสตรีและชนชาติสีผิวอีกด้วย

เรื่องราวของมหาเศรษฐีมีความน่าสนใจ แต่มิใช่เพราะผมบูชาความเป็นมหาเศรษฐี หากเพราะบทเรียนที่ได้จากเรื่องราวและแนวคิดของพวกเขา เมื่อปีที่แล้วมีหนังสือพิมพ์ออกมาชื่อ The Givers ของ David Callahan ซึ่งบอกเรื่องราวและแนวคิดของมหาเศรษฐีจำนวนมาก ขอสารภาพว่าผมบูชาแนวคิดการบริจาคทรัพย์สินของบิล และเมลิดา เกตส์และวอร์เรน บัฟเฟตต์มากพร้อมกับอยากเห็นมหาเศรษฐีไทยนำแนวคิดนั้นมาใช้อย่างจริงจังบ้าง