‘กกต.’ชุดใหม่ ส่อได้คนรับเชิญ‘คสช.’

‘กกต.’ชุดใหม่ ส่อได้คนรับเชิญ‘คสช.’

จากรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โหวตคว่ำรายชื่อว่าที่ 7 กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านการสรรหา

ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 กำหนดไว้ พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นกกต. แบบละเอียดยิบ ห้ามนู้น ห้ามนี่ น่าเวียนหัว จนทำให้มีการขนานนามกันว่าสเปคเทพ และการที่สนช.คว่ำทั้ง 7 คนนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความเป็นสเปคเทพดังกล่าวหรือไม่ ถึงทำให้ทั้งหมดไปไม่ถึงฝั่งฝัน 

ถึงแม้รายชื่อแต่ละคน จะเป็นที่รู้จัก ทั้งเรื่องผลงานความสามารถ แต่ความสามารถในการจัดการเลือกตั้ง และข้อครหาเรื่องอิงฝ่ายการเมือง เป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ตกม้าตาย ดังนั้นกระบวนการสรรหาต้องนับหนึ่งกันใหม่ ซึ่งทั้ง 7 คน ที่ว่าหมดสิทธิ์สมัครเข้ารับการสรรหาได้อีก ส่วนคนที่ถูกกรรมการสรรหาคัดออกตั้งแต่แรก มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการสรรหาได้อีก โดยกรรมการสรรหามีระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 90 วัน 

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครการันตีว่าคนที่ผ่านการสรรหาแล้วถูกเสนอชื่อให้สนช.พิจารณาจะไม่ถูกตีตกซ้ำสองถึงตอนนั้นถ้ายังไร้เงากกต.ชุดใหม่ กฎหมายก็เปิดช่องผ่าทางตันเอาไว้ว่า ถ้าสรรหาใครไม่ได้ สามารถเชิญใครมาก็ได้ ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม ได้ชี้แจง จนเริ่มมีความกังวลเพิ่มขึ้นมาอีกประเด็น ตรงที่ว่า “เชิญใครมาเป็นกกต.ก็ได้” เนื่องจากคนที่กุมอำนาจอย่างรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ย่อมหลีกเลี่ยงที่จะถูกวิจารณ์ไม่ได้ มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะวางตัวคนที่ไว้ใจ คอยเป็นไม้เป็นมือจัดการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ 

ในทางหนึ่งอาจจะมองได้ว่าคนที่จะถูกเชิญมาเป็นกกต. อาจพ่วงภารกิจลับที่ไม่ลับ คือ การสกัดพรรคตรงข้ามที่ยังคงความนิยมโดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสานหรือไม่ * ตรงนี้ถือว่าน่ากังวลกว่าการเลื่อนโรดแมพเลือกตั้งเป็นไหนๆ เพราะเท่ากับว่าอำนาจเกือบแทบจะเบ็ดเสร็จยังอยู่ในว่านเครือของ “คสช.” จนอาจเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหญ่ รอบใหม่ต่อไปในอนาคต แล้วเรื่องการสร้างความสามัคคีปรองดองที่รัฐบาลและคสช. เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นมันจะมีความหมายอะไร

โดย... ซาไก