ก่อนจะอำลา (1)

ก่อนจะอำลา (1)

อีก 3 วันผมจะอำลาจากความเป็น "พนักงานเนชั่น" หลังจากเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็น "พนักงานขึ้นทะเบียนหมายเลขหนึ่ง"

มาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 1971 หรือ 47 ปีมาแล้ว

ก่อนจะอำลา (1)

และอีก 3 วันผมก็ยุติคอลัมน์ "กาแฟดำใน "กรุงเทพธุรกิจ" ที่ได้เขียนมาตลอดตั้งแต่ 6 ต.ค.1987 หรือ 31 ปีโดยไม่เคยหยุดแม้แต่คอลัมน์เดียว ยกเว้นวันอาทิตย์วันเดียว

ผมภูมิใจในความเป็น "คนเนชั่น" ทั้งในหัวใจและจิตวิญญาณ และทุกหยาดหยดของ "เลือดเนชั่น"

ผมภูมิใจที่มีเพื่อนร่วมเดินทางในสายเนชั่นนี้มากมายมาอย่างยาวนานถึง 47 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความท้าทาย ผ่านบทพิสูจน์ความเป็น "คนเนชั่น" อย่างโชกโชน

บนเส้นทางนี้เราต่างตกลงกันอย่างมั่งมุ่นว่า เราจะเป็น "คนข่าวมืออาชีพที่จะสัตย์ซื่อต่อคนอ่านด้วยจิตด้วยหัวใจ และด้วยการนำเสนอความจริงโดยไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าเราจะถูกกดดันอย่างหนักหน่วงเพียงใดก็ตาม

เราอาสาเป็นหมาเฝ้าบ้าน ที่ซื่อตรงต่อเจ้าของบ้าน เป็นกระจกส่องสังคม เพื่อทำความจริงให้ประจักษ์ และเป็นแสงเทียนแห่งความหวัง ในยามบ้านเมืองมืดมน

ผมภูมิใจที่จะรายงานให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า ถึงวันนี้เราสามารถทำหน้าที่นั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ

เราอาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้ 100% ในทุกกรณี แต่ผมยืนยันได้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มความสามารถในทุกวิถีทาง ไม่ยอมลดละ ไม่ท้อถอย และไม่หลบหลีกภาระหน้าที่ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหนักหนาสากรรจ์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือความขัดแย้งในสังคม ที่บางครั้งบังคับให้เราเลือกข้างอย่างไร้เหตุผลก็ตาม

ถึงวันนี้ สำหรับคนที่อยู่เคยอยู่ในองค์กรเนชั่น หรือยังอยู่เนชั่นสามารถจะประกาศกับสาธารณชนได้อย่างเต็มปากว่า เราได้ยืนหยัดทำหน้าที่ของเราตามมาตรฐานวิชาชีพในทุกๆ ด้าน

ผมบอกกับเพื่อนๆ ในวันเลี้ยง "วันเกษียณจากเนชั่น" เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาตอนหนึ่งว่า

"ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเนชั่น จงภูมิใจ ...  เราตื่นทุกเช้าเราบอกกับตัวเองได้ว่า เราเป็นสื่อมวลชนที่มีศักดิ์ศรี ... เราบอกกับทุกคนได้ว่า เราทำงานที่นี่เรามีเสรีภาพ ไม่เคยมีใครสั่งเราให้เขียนหรือไม่เขียน รายงานหรือไม่รายงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่วันแรกของเนชั่นจนถึงวันนี้ ทุกคนที่ผ่านที่นี่ และที่ยังอยู่จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นจิตวิญญาณที่สำคัญที่สุดของความเป็นเนชั่นคือ การที่ไม่มีใครสั่งให้เราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมได้ ... ไม่มี ... ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียว ... ผมยืนยันได้...(และหากมีความพยายามจะสั่ง หากเป็นสิ่งที่ผิดจากหลักแห่งจริยรรม เราก็จะปฏิเสธที่จะทำตาม ไม่ว่าคนสั่งจะเป็นใคร) ถึงแม้ในสภาวะที่วิกฤติที่สุดของสื่อของเรา...แต่ทุกครั้งที่เราสูญเสียอิสรภาพในการทำงาน เราฟื้นกลับมาทุกครั้ง และทุกครั้งที่เราฟื้นจากวิกฤต เราจะแข็งแกร่งกว่าเดิมทุกครั้งเช่นเดียวกัน...."

ผมยืนยันว่าพลัง และคุณค่าของการเป็นสื่อที่มีอิสรภาพ เพื่อทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหยิบยื่นมาให้ คนข่าวอาชีพจะต้องดิ้นรนต่อสู้ให้ได้มาด้วยตนเอง ผ่านข่าวทุกชิ้น ผ่านการทำหน้าที่ทุกนาทีและปกปักรักษามันยิ่งชีวิต จึงจะสามารถทำภารกิจได้ท่ามกลางความท้าทาย แรงกดดัน และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

จึงเป็นที่มาของ “คู่มือจิรยธรรมคนเนชั่น” ที่เรียกว่า “The Nation Way”

ที่ยืนยันกับสังคมว่า “ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา”

ทำไมคนเนชั่นต้องมีพันธะกรณีกับสาธารณชน

พรุ่งนี้ขอเล่าต่อเป็น “รายงานก่อนวันสุดท้าย”