สนช.มีไว้ทำไม?

สนช.มีไว้ทำไม?

การทำงานของ สนช.ถูกตั้งคำถามมากขึ้นไปอีกเมื่อโหวตคว่ำ “ว่าที่ 7 เสือ กกต.” แบบไม่ไว้หน้า

ยิ่งกว่าตัดบัวไม่เหลือใย เพราะเป็นการโหวตที่เกือบจะไม่มีตรรกะเหตุผลอะไรรองรับเลย หนำซ้ำยังส่งผลสะเทือนอย่างกว้างขวาง

ดูง่ายๆ จากคะแนนโหวต ซึ่งว่าที่ กกต.แต่ละคนได้คะแนนน้อยมาก บางคนได้แค่ 10 คะแนน จาก สนช.ทั้งหมด 248 คน และคะแนนที่ต้องการคือ 124 ขึ้นไป (มากกว่ากึ่งหนึ่ง) แต่ว่าที่ กกต. 6 คนได้คะแนนต่ำกว่า 50 มีเพียง คุณประชา เตรัตน์ อดีตผู้ว่าฯหลายจังหวัดคนเดียวเท่านั้นที่ได้คะแนนเกิน 50 คะแนน

เมื่อ สนช.ไม่รับรองรายชื่อว่าที่ กกต. กฎหมายกำหนดให้ “กรรมการสรรหาชุดเดิม” ทำการสรรหาใหม่ภายใน 90 วัน ถามว่ากรรมการสรรหายังจะกล้าทำงานต่ออีกหรือ ในเมื่อเสนอชื่อที่เลือกเฟ้นมารอบคอบที่สุดแล้ว จากผู้สมัครรอบแรกซึ่งก็น่าจะดีที่สุดเพราะมีความตั้งใจจะเป็น กกต.มากที่สุด แต่กลับได้คะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

กติกาประเทศก็ยกร่างกันมาเอง กฎหมายลูกก็เขียนกันเอง คุณสมบัติของว่าที่ กกต.และกรรมการองค์กรอิสระอื่นที่แซวกันว่า “สเปคเทพ” ก็วาดฝันกันมาเองทั้งนั้น แต่พอมีการคัดสรรและเสนอชื่อมา กลับถูกตีตกทั้งหมด...ตลกดี

งานนี้จึงไม่แปลกที่จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า มีโทรศัพท์จาก “ผู้ยิ่งใหญ่” โทรมาขอยืมนาฬิกา...เอ๊ย...โทรหาสมาชิกก่อนประชุมลับเพื่อลงมติไม่นาน แล้วผลก็ออกมาแบบที่เห็น

เหตุผลที่อธิบายกันก็คือ ทำให้มันยุ่งๆ เข้าไว้ เลือกตั้งใหม่จะได้เกิดช้าที่สุด เพราะเมื่อแต่จะ “แฟคเตอร์” ล้วนมีปัญหา ผู้มีอำนาจก็จะมีเกมให้เล่นหลายหน้า และเลือกกดปุ่มเอาตามสบาย (ซึ่งที่ผ่านมา สนช.ก็โชว์ผลงานมาหลายครั้งแล้ว เช่น การปรับแก้กฎหมายลูกให้พร้อมถูกคว่ำได้ทุกเวลา, การเลือกเซ็ตซีโร่ รีเซ็ต หรือปล่อยผีกรรมการองค์กรอิสระ โดยไม่สนคุณสมบัติและกฎหมายที่เขียนกันมาเอง ฯลฯ)

ผมคิดว่าถ้า สนช.ทำงานสนองรัฐบาลขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมี สนช.ก็ได้ เปลืองภาษีประชาชนที่ต้องจ่ายเป็นเงินเดือนไปเปล่าๆ เพราะให้ พล..ประยุทธ์ ใช้ ม.44 ประกาศเป็นกฎหมายในทุกเรื่องที่อยากทำ ผลก็ออกมาไม่ต่างกัน