สิ่งแวดล้อมมีผลกับสมอง จงใช้มันอย่างมีประโยชน์
“ไอ้กระสอบนี่มีไว้ทำไมครับ” ผมชี้ไปที่แผ่นผ้าสีเทาซึ่งวางอยู่ด้านข้าง
“It’s to make you go faster” HR Director ชาวอินเดียของแอร์ เอเชียบอกยิ้มๆ
Just stick your feet in”
ผมจัดแจงเอาแผ่นหนึ่งมาปูลง เอาเท้าใส่เข้าไปทั้งสองข้าง ส่งกระเป๋าคอมพิวเตอร์ให้น้องที่มาประชุมด้วยกันถือ แล้วลงนอนราบกับพื้น
“A little scary” น่าหวาดเสียวเหมือนกันเนอะ ผมกล่าวหลังจากชะโงกหน้ามองลงไปข้างล่าง
“That’s fine. People do it all the time.” ไม่หรอก ใครๆ ก็ทำได้ คือคำปลอบ
“Have YOU ever done it?” ผมถามย้อนแกบ้าง คุณอรุณทำคอย่น “No. You think I’m crazy?” ไปได้แล้ว Let’s go!
ผมปล่อยตัวไหลลงไปตามท่อ ‘ไม้ลื่น’ รางยาวหมุนวนไปสามสี่ทบ พุ่งปรู๊ดจากชั้นสี่ลงสู่ชั้นหนึ่ง มันเร็วเหมือนกันแฮะ เร็วกว่าที่ผมคิด พริบตาเดียวลงมาถึงพื้น สาวๆ แต่งชุดสีแดงในโถงแอบมอง แล้วหัวเราะคิกคักนิดหน่อย คงไม่ค่อยมีแขกที่มาเยี่ยมองค์กรลงจากห้องประชุมวิธีนี้
ผมยืนรออยู่พักใหญ่ๆ กว่าสมาชิกร่วมประชุมจะย่องแย่งตามลงบันไดมา
“Thank you very much. I’ve accomplished my objective of the day.” ผมแกล้งบอกทีมว่า วันนี้ไม่ได้สนใจผลประชุมเท่าไหร่ แต่ที่ได้มาเยี่ยม RedQ อันเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของสายการบินแอร์ เอเชีย ผมต้องการจะมาเล่นเจ้า ‘ไม้ลื่น’ อันยักษ์นี้มากกว่า
“Tell me. Do people actually use this thing?” อยากรู้ว่าคนที่ทำงานที่นั่นจริงๆใช้การลงทุนนี่ไหม
“Oh. A lot of people do. Especially during lunch hours. It gets you down quickly to beat the queue.” คราวนี้สาวในทีม HR อธิบายบ้าง ข้างทางออกของไม้ลื่นข้างล่าง อยู่ติดกับทางเข้าส่วนอาหารขององค์กรพอดี
“Hey. Ways to get you to your destination quicker. That reminds me of Air Asia.” ผมตอบ สร้างรอยยิ้มให้กับบรรดาเจ้าภาพที่มาส่ง
ข้อคิดของผู้นำสมอง
1. Environment Matters กล่าวถึงไว้หลายครั้งแล้วว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อสมอง
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ สมองจะพยายาม align วิธีคิดและวิธีปฏิบัติของเรากับสิ่งแวดล้อมเสมอ โดยเฉพาะใน BASE model บอกว่า E ตัวท้ายหรือ Environment มีผลกับสมองมาก เพราะเป็นวงกลมวงนอกซึ่งใหญ่ที่สุด
ดังนั้นหากอยากเปลี่ยนสมองให้ทำอะไร จงพิจารณาสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ หากสิ่งแวดล้อมเหมือนเดิม มันยากยิ่งที่จะให้สมองคิดอะไรเปลี่ยนแปลงไป
หากคุณอยากสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบใด อย่ามองข้ามสิ่งที่ดูเหมือน ‘ไม่มีความหมาย’ อย่างสิ่งแวดล้อม
โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทำให้สมองรู้สึกหยิ่งผยอง ซึ่งอาจดีสำหรับการสร้างความน่าเกรงขาม แต่ขัดกับการให้บริการลูกค้า
2. Make Clever Choices เลือกการตกแต่งพื้นที่ให้สอดคล้องต่อ culture ที่คุณอยากให้เกิด
การแต่งออฟฟิศแบบเป็นมิตรกับสมองไม่ได้แปลว่า แค่ก๊อปการตกแต่งจากบริษัทอื่น อย่างแอร์ เอเชียไม่ได้คิดเพียงแค่ใส่ไม้ลื่นเข้าไปเพราะสวยดี แต่เพราะเขาอยากให้พนักงานคิดหา ‘ทางลัด’ ที่ทำให้ลูกค้าได้บริการเร็วขึ้น
ลองคิดถึงเซอร์วิสต่างๆ อันเป็นนวัตกรรมของสายการบินนี้ ซื้อตั๋วออนไลน์ เช็คอินได้เอง พรินท์บัตรขึ้นเครื่องได้ที่บ้าน กระทั่งเอากระเป๋าใส่สายพานเอง จนล่าสุดมีเทคโนโลยีสแกนใบหน้า เพื่อตรวจผู้โดยสารขาออกเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการลดกระบวนการของลูกค้า ทำสิ่งที่สายการบินอื่นเคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เหมือนกับที่เคยคิดว่าการ ‘เล่นไม้ลื่น’ ไปกินข้าวกลางวันในออฟฟิศเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
3. Set Them Free ยุคปัจจุบันบริษัทที่จะประสบความสำเร็จต้องให้อิสระพนักงาน เพราะคนสมัยนี้ไม่มีความจำเป็นต้องอดทนกับอะไรที่เขาคิดว่าไม่ถูกต้อง
ข้อดีคือกระบวนการควบคุมต่างๆลดลง ทำให้ค่าใช้จ่าย และเวลาในการไล่ตามจับพนักงานลดลง แต่ข้อเสี่ยงคือการสะเปะสะปะออกนอกทางของคนในทีม
แอร์เอเชียใช้วิธีบาลานซ์ทั้งสองด้าน เช่น ด้านหนึ่งเขามี Sleeping Pod ให้พนักงานพักผ่อนวางไว้ให้ทั่วไปในแต่ละชั้น (แน่นอน ผมลองเข้าไปนอนดูแล้ว) ใครๆก็สามารถเข้าไปนอนพักได้เมื่อต้องการ จะนอนนานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับคุณ
แต่อีกด้าน ออฟฟิศของเขาไม่มีคอกกั้น และไม่มีห้องผู้บริหาร ขนาด Tony Fernandes CEO ก็นั่งทำงานที่โต๊ะหน้าตาเหมือนสตาฟ พนักงานสามารถเดินมาคุยกับผู้บริหารเมื่อเกิดไอเดียได้ทุกเมื่อ
ในทางกลับกัน CEO ก็มองเห็นทุกอย่าง และสามารถลุกมาทักทายคุณได้ตามสะดวกเช่นกัน
ผมคงไม่ต้องอธิบายนะครับ ว่าการวางออฟฟิศแบบนี้ จะช่วยให้คนไม่ถือโอกาสนอนยาวใน Sleep Pod ได้อย่างไร!