อากาศยังจะเป็นฆาตกรผ่อนส่ง

อากาศยังจะเป็นฆาตกรผ่อนส่ง

ในช่วงนี้มีรายงานและการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเรื่องภาวะฝุ่นละอองหนาแน่นจนทำให้อากาศในกรุงเทพฯ เป็นพิษ มีผู้อ้างว่า

การเผาฟางของชาวนาเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะคงไม่ใช่ เพราะในกรุงเทพฯ ไม่มีทุ่งนา

หลักฐานเชิงประจักษ์บ่งชี้ว่า ปัจจัยพื้นฐานได้แก่ควันอันเกิดจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ แล้วพ่นออกมาทางท่อไอเสียของยานยนต์ชนิดต่างๆ ซึ่งมีจำนวนหลายล้าน จนทำให้การจราจรติดขัดทั่วกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคงมีควันจากโรงงานที่ปล่อยออกมาอีกด้วย ในขณะเดียวกัน มีการแนะนำว่าประชาชนควรทำอย่างไร และภาครัฐควรทำอะไรนอกเหนือจากนำน้ำออกไปพ่นตามเหนือถนนของกรุงเทพฯ

ท่ามกลางการถกเถียงกันนี้ มีผลการวิจัยน่าสนใจยิ่งพิมพ์ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้วในวารสาร Science การวิจัยชิ้นนี้เกิดจากความร่วมมือกันของนักวิทยาศาสตร์ในสถาบันของรัฐบาลอเมริกัน และอาจารย์มหาวิทยาลัยกว่า 20 คน 

ข้อสรุปหลักของการวิจัยได้แก่ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศในประเทศก้าวหน้าในอเมริกาและยุโรปได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบันนี้ สารเคมีที่มาจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านและตามร่างกายทำให้เกิดมลพิษในอากาศไม่น้อยกว่าควันที่พ่นออกมาจากยานยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม การวิจัยนี้ครอบคลุมนครลอสแอนเจลิสและปริมณฑลซึ่งครั้งหนึ่งเป็นตัวอย่างของพื้นที่ซึ่งมีอากาศเป็นพิษจนหายใจแทบไม่ออก

สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสสัมผัสมลพิษในอากาศของย่านนครลอสแองเจลิสเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ขอเรียนจากประสบการณ์ตรงว่าวันไหนที่มลพิษเลวร้ายมาก เราจะหายใจแทบไม่ออก รู้สึกแสบช่องลมหายใจและแน่นหน้าอก หรือไอแทบไม่หยุดหากออกไปเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ภาวะนั้นเกิดจากควันที่ปล่อยออกมาโดยยานยนต์และโรงงานต่าง ๆ รวมทั้งโรงไฟฟ้าที่เผาน้ำมันและถ่านหิน 

มลพิษร้ายทั้งในอากาศและในสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป ทำให้ชาวอเมริกันตื่นตัว ยังผลให้เกิดกฎหมายที่บังคับให้ทั้งยานยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรมติดเครื่องฟอกควัน เพื่อขจัดสารพิษก่อนที่จะปล่อยออกมา 

นอกจากนั้น มีการปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ควันในย่านต่างๆ รวมทั้งนครลอสแองเจลิสมีพิษน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

การวิจัยดังกล่าวชี้ว่า จริงอยู่มลพิษที่เกิดจากควันของยานยนต์และโรงงานอาจลดลง แต่มลพิษที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ภายในอาคาร และกับร่างกาย ได้เพิ่มขึ้น และลอยออกไปปะปนในอากาศข้างนอกอาคารจนทำให้เป็นพิษ ผลิตภัณฑ์มีหลากหลาย และเราอาจไม่เฉลียวใจว่า อาจก่อให้เกิดพิษร้ายขึ้น เช่น ยาฆ่าแมลง สารเคลือบต่างๆ สี สารเคมีที่ใช้ทำความสะอาดทุกอย่าง เครื่องสำอาง รวมทั้ง น้ำหอม หมึกจากเครื่องพิมพ์และกาว  

อันตรายจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นที่ตระหนักดีของผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศภายในอาคารในอเมริกา แต่ดูจะไม่ค่อยมีใครในเมืองไทยสนใจ ผมจึงได้ค้นคว้าและเขียนออกมาเป็นหนังสือชื่อ “เมื่ออากาศเป็นฆาตกร” ซึ่งพิมพ์เมื่อต้นปี 2554 (ผู้สนใจอาจเข้าไปดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์วิทยาทานของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) คาดกันว่าผลการวิจัยดังกล่าว จะมีผลดีต่อไปในด้านการลดการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ก่อให้เกิดอันตรายในวันข้างหน้า ทั้งในอเมริกาและยุโรป

หากมองปรากฏการณ์ภาวะฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันจากมุมของกระบวนการเกิดมลภาวะในอากาศในอเมริกาและประเทศก้าวหน้าอื่นๆ กรุงเทพฯ คงคล้ายนครลอสแองเจลิสเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ต่อไปอากาศในกรุงเทพฯ จะสะอาดขึ้น เช่นในลอสแอนเจลิสหรือไม่ ยังยากที่จะคาดเดา

ด้วย 2 ปัจจัยสำคัญด้วยกันคือ การควบคุมควันพิษจากยานยนต์และโรงงานต่างๆ ของเราไม่เข้มงวดจริงเช่นของเขา และภาครัฐของเรายังคิดว่าการใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินยังทำได้ทั้งที่หลายประเทศได้ประกาศให้เลิกใช้แล้ว นอกจากนั้น โอกาสที่คนไทยจะลดการใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งการวิจัยดังกล่าวชี้ว่าจะก่อให้เกิดอันตรายในอากาศเพิ่มขึ้นคงเป็นไปได้ยาก หรือช้ามากกว่าเขา

สรุปว่าอากาศในกรุงเทพฯ จะเป็นฆาตกรผ่อนส่งต่อไป จะทำอย่างไรในสภาพเช่นนี้

ขอเสนอว่าอย่ารอจนกว่าภาครัฐจะฉลาดขึ้น จงมุ่งกำจัดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเท่าที่พอทำได้และหากเป็นไปได้ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวพร้อมกับแสวงหาเครื่องฟอกอากาศมาใช้ในบ้านและในการเดินทาง