'วีไอ' กับ 'BNK 48'

'วีไอ' กับ 'BNK 48'

การลงทุนในบริษัทบันเทิงซึ่งเป็น 'sexy business' ก็คือ อย่าหลงรักในตัวผลิตภัณฑ์สร้างขึ้นมา

คนเป็นนักลงทุนนั้น สิ่งหนึ่งซึ่งต้องทำให้เป็นนิสัย คือรู้จักสังเกตสังกาปรากฏการณ์ต่างๆ ในสังคม และเอามาคิดวิเคราะห์ว่าจะใช้มันเป็นประโยชน์แก่ชีวิตและการลงทุนของตัวเองได้อย่างไรบ้าง

และหนึ่งในปรากฏการณ์ของประเทศไทยช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น 'BNK 48' วงดนตรีหญิงล้วนชื่อก้อง ที่ไม่ว่าจะเข้าโซเชี่ยล ยูทูป หรือห้องไลน์ใดๆ ใครๆ ก็พูดถึงแต่เรื่องนี้

ปกติผมไม่เคยมีความสนใจในเรื่องของวงการบันเทิง แต่ด้วยความที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นปีละหลายเดือน จึงได้รู้จักกับ 'AKB 48' อันเป็น 'วงแม่' ของ BNK ที่ฮิตติดลมบนในแดนซามูไรมานานแล้ว

ยังจำได้ว่าบ่ายวันหนึ่งเมื่อปีก่อน ผมเดินเล่นอยู่ในย่านอาคิฮาบาร่ากลางกรุงโตเกียว และได้แวะเข้าไปชมช้อปของ AKB ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปรากฏว่ามีโทรทัศน์ช่อง NHK เข้ามาขอสัมภาษณ์ ผมจึงรีบปฏิเสธและบอกไปว่าตัวเองไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ แค่เข้ามาสังเกตการณ์เฉยๆ

นั่นคือความทรงจำแรกของผมที่มีต่อวงดนตรีวงนี้

การสร้างวงของ AKB 48 ที่มี 'ไอดอล' นับร้อยๆ ต้องถือเป็นโมเดลแห่งความยั่งยืน เพราะไม่ยึดติดกับตัวบุคคล เน้นความเป็นทีม ใครจะลาออกไปเรียนต่อก็ไม่กระทบ ใครเกิดข่าวเสียหายขึ้นมา ก็มีคนใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาทดแทน เหมือนทีมฟุตบอลอาชีพที่ไม่พึ่งซุป’ตาร์เพียงหนึ่งเดียว มีทีมชุดใหญ่ ชุดเล็ก มีกัปตัน แต่ทุกคนต้องทำงานร่วมกัน จะเด่นจะดังคนเดียวไม่ได้

หากถอดหมวก 'โอตะคุ' ออกไป ใส่แค่หมวกของ 'นักลงทุน' ต้องยอมรับว่า AKB 48 คือผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจจากการ 'คิดนอกกรอบ' การสร้างวงดนตรีที่มีลักษณะเป็น 'แฟรนไชส์' เมื่อบวกกับเพลงติดหูอย่าง Fortune Cookie และเสน่ห์ติดตาอย่างท่าปั้น 'โอนิกิริ' จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดวงนี้จึงเติบโตขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งเมืองไทย กลายเป็น BNK 48 ดังที่ได้กล่าวมา

โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบหุ้นธุรกิจ entertainment เท่าไรนัก เพราะมองว่าไม่ยั่งยืน เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ แต่หากบริษัทไหนมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถสร้างเครื่องจักรทำเงินอย่าง AKB หรือ BNK ขึ้นมา ก็ย่อมน่าสนใจไม่ใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนในบริษัทบันเทิง ซึ่งเป็น 'sexy business' ก็คือ อย่า 'หลงรัก' ในตัวบริษัท หรือ 'ผลิตภัณฑ์' ที่บริษัทนั้นสร้างขึ้นมาเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เราไขว้เขวจากการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล

และสุดท้าย อย่าดู BNK จนไม่มีเวลาดูหุ้น ใครจะบอกว่า 'รถไฟอยู่บนราง เฌอปรางอยู่ในใจ' วีไออย่างเราก็อย่าไปหวั่นไหว ก้มหน้าก้มตาอ่านงบการเงินต่อไป ถ้าฟุ้งซ่านมากก็ไปนั่งสมาธิ นั่นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ