เหรียญโอลิมปิก การทูตต้องมอบให้คิม!

เหรียญโอลิมปิก การทูตต้องมอบให้คิม!

เมื่อคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือส่งเทียบเชิญ มูน แจอินแห่งเกาหลีใต้ไปเยือนเปียงยาง “เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ก็สร้างความประหลาดใจให้กับประชาคมโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้

ผมกำลังรอดูว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเกมการทูตเหนือเมฆของคิม ที่ทำคะแนนจากการใช้กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ เป็นจังหวะของการพลิกสถานการณ์ให้ตนเองได้เปรียบทันที

สะท้อนว่า คิมสามารถเล่นเกม ทั้งรุกและรับได้อย่างคล่องแคล่ว เกินความคาดหมายของนักสังเกตการณ์มากมาย

เจอทรัมป์ คิมน้อยใช้วิธีการดุดัน ก้าวร้าว ท้าทาย หมัดต่อหมัดไม่มีถอย

เจอมูน แจอินของเกาหลีใต้ คิมก็สามารถเล่นการทูตแบบ charm offensive คือ การใช้ไม้นิ่ม ส่งทีมนักกีฬาและกองเชียร์ “กองทัพโฉมงาม” และวงดนตรีไปร่วมกีฬาโอลิมปิกอย่างเป็นกันเอง เน้นความเป็นเลือดเกาหลีด้วยกัน

ที่มีผลทางการเมืองอย่างยิ่งก็คือการส่งน้องสาว “คิม โยจอง” วัย 30 คนใกล้ชิดมาประกบ “ประมุขประเทศ” คิม จองนัม เพื่อตอกย้ำว่าคิมให้ความสำคัญกับการมาร่วมกีฬาครั้งนี้

เหรียญโอลิมปิก การทูตต้องมอบให้คิม!

สำคัญถึงขั้นที่ฝากจดหมายน้อยผ่านน้องสาวมาให้ผู้นำเกาหลีใต้ ขอให้ไปเยือนเปียงยาง “ในจังหวะที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

น้องสาวคนนี้หน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตรตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน และเมื่อมีโอกาสลงนามในหนังสือเยี่ยมที่ Blue House หรือทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ก็ตอกย้ำว่าเธอ “หวังว่าเปียงยางและโซล จะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นในหัวใจของคนเกาหลีทั้งหลาย และจะนำไปสู่การรวมชาติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตอันใกล้นี้”

การเชิญ มูน แจอินไปเยือนเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการเป็นการตัดตอนไม่ให้โดนัลด์ ทรัมป์มา “แทรกแซง” อย่างเห็นได้ชัด

เพราะเท่ากับว่าเงื่อนไขสำคัญของอเมริกาที่ว่า การพบปะเพื่อเจรจาใด ๆ กับเกาหลีเหนือ คือการที่คิมจะต้องประกาศก่อนว่าจะระงับการทดลองขีปนาวุธและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

แต่เสียงจากผู้นำโสมขาวตั้งแต่การตกลงจะให้เกาหลีเหนือมาร่วมแข่งกีฬาที่เกาหลีใต้ จนถึงการนั่งลงประชุมร่วมกันกับมูน แจอิน ไม่มีคำว่า “เงื่อนไขล่วงหน้า”หลุดออกมาแม้แต่คำเดียว

บางคนสงสัยว่าคิมต้องการจะสร้างความร้าวฉานระหว่างสหรัฐกับเกาหลีใต้

บางคนบอกว่าไว้ใจไม่ได้เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกมของคิมที่จะหลอกล่อให้ตายใจเท่านั้น

ทรัมป์อ้างว่าที่คิมยอมส่งนักกีฬามาร่วมโอลิมปิกที่เกาหลีใต้ครั้งนี้เป็นฝีมือของตัวเองที่ได้กดดันคิมอย่างหนักหน่วง

แต่คิมก็คงจะยืนยันว่า ที่ตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับทรัมป์ เป็นความริเริ่มของตนเพื่อความสมานฉันท์ของคนเกาหลี

ภาพของธงเกาหลีที่ไม่มีเส้นแบ่งเหนือใต้ในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ ทำให้คนเกาหลีทั้งสองซีกเริ่มจะมีความหวังว่า สันติภาพอาจจะกำลังมาเยือน หากสหรัฐจะเลิกเป็นเจ้ากี้เจ้าการ

แต่มูน แจอินก็ตระหนักว่า ทั้งหมดนี้อาจเป็นเกมของคิม แต่ตนก็เล่นเกมได้เช่นกัน นั่นคือเจรจาก็เจรจาไป แต่หากคิมเบี้ยว เขาก็ยังมีลู่ทางที่จะจัดการกับคิมได้เช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะเชื่อแนวทางวิเคราะห์ด้านไหน ข้อสรุปของผมก็คือว่าคิม จองอึนมีอะไรในสมองมากกว่าที่เราเคยเชื่อจริง ๆ

และลีลาท่าทีของน้องสาวคนนี้ก็สมควรจะได้เหรียญโอลิมปิกทีเดียว!