ผิดจริยธรรม เสียมารยาท อันไหนแย่กว่า

ผิดจริยธรรม เสียมารยาท อันไหนแย่กว่า

ทันทีที่เว็บไซต์บีบีซีไทย เผยแพร่คลิปเสียง “หมอธี” หรือ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ถึงปมนาฬิกาหรูของ“บิ๊กป้อม”น่าจะเป็นวลีเด็ดทีเดียวกับข้อมูล “เรื่องนาฬิกา ถ้าผมถูก exposed เรือนแรก ผมก็ออกแล้ว อันนี้ถามผมนะ ส่วนใครจะว่าอะไร ให้ไปถามคนนั้น ของอย่างนี้ คนก็ไม่กล้าพูด กลัวอะไร ทำไม พูดแล้ว มันจะมาไล่ผมออกหรือ” 

  ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยถามต่อว่า แต่ท่านอยู่ในครม.ด้วย นพ.ธีระเกียรติ  ย้ำชัด“ไม่เกี่ยวนี่ นี่มันความเห็นของผม ไม่ใช่ความเห็นครม. อย่างนี้แปลว่าถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมต้องคิดตามเขาหมดเหรอ ลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย การคิดเหมือนกันคือหลักเผ่ากูซึ่งโตกว่าหลักกูนิดเดียว” นี่เป็นเสียงสะท้อนจากปากของ“หมอธี”  ที่อาจจะคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น 

 เรื่องแบบนี้ตอนนี้ดูเหมือนมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรามีอยู่หลายคนที่มักคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เมื่อเร็วๆนี้ยังมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บอกว่า “อาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์” ได้เลย การพูดออกมาจะด้วยสีหน้าอย่างไร อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไม่ตั้งใจพูดแล้วมันจะออกมาได้อย่างไร แต่พอออกมาแล้วเที่ยวปฏิเสธกันจ้าละหวั่น 

จะด้วยเจตนาหรือไม่มิอาจจะบอกได้ แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาจากปาก“หมอธี”สร้างแรงสั่นสะเทือนได้ ดูเหมือนว่ากำลังจะปลุกนาฬิกาหรูขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบๆไปได้2-3วัน เพราะมี“เสือดำ”ของ“เปรมชัย กรรณสูต” ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ออกมาคั่นกลางกว่า1สัปดาห์แล้ว พร้อมกับประโยคเด็ดของอดีตผบ.ตร.ที่ว่า“อาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์”

แต่การจุดพรุปมนาฬิกาหรู ขึ้นมายิ่งตอกย้ำถึงความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น แม้“หมอธี”ต้องวิ่งเข้าเคลียร์กับนายกรัฐมนตรี พร้อมขอโทษนายกรัฐมนตรีและ“บิ๊กป้อม” ถึงการพูดเป็นเรื่อง“ผิดมารยาท” แต่สิ่งที่ปรากฏเรียกว่าเป็นการตอกย้ำ“ความถูกต้อง”มากกว่า ส่วนจะเกี่ยวข้องกับมารยาทหรือไม่น่าจะเป็นคนละเรื่องหรือไม่

ฉะนั้นนับจากนี้เราจะเห็นสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นตลอด โดยเฉพาะในช่วง“ขาลง” ในที่สุดเราอาจจะเห็น"การเปลี่ยนแปลงอะไรเร็วๆนี้" ทุกท่านโปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด