กองทุน ETFs น่าสน เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

กองทุน ETFs น่าสน เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

กองทุน ETFs น่าสน เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

ETFs : Exchange Traded Funds มีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดว่าเป็นเพียงกองทุนรวมที่ซื้อขายได้แบบ Real Time อย่างที่ทุกๆ คนเข้าใจ ด้วยคุณลักษณะที่คล้ายกองทุนรวมที่มีความหลากหลายในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในดัชนีหุ้นไทย, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, และในสินค้าโภคภัณฑ์ ประเภทต่างๆ จึงทำให้เหมาะกับการจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน แต่ทำได้ในราคาต้นทุนที่ถูกกว่า เนื่องจาก ETFs ส่วนใหญ่มักมีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง จึงมีลักษณะเป็น Index Fund ที่สามารถใช้นโยบายการบริหารจัดการลงทุนในเชิงรับ (Passive Management Strategy) โดยอาจเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่างๆสำหรับการลงทุน ในการลงทุน ETFs  และกองทุนเปิดทั่วไป ได้ดังนี้

ตารางที่1: เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ของกองทุน ETFs และกองทุนเปิดทั่วไป

กองทุน ETFs น่าสน เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

การลงทุนภายใต้สภาวการณ์ความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ที่หลากหลายในปัจจุบัน ทำให้การกระจายความเสี่ยงยังเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าประทับใจในระยะยาวได้ หากเทียบกันแล้ว กองทุน ETFs ประเภท Passive จะมีโอกาสมากกว่าที่จะได้รับผลตอบแทนที่ชนะ กองทุนเปิดประเภท Active ในระยะยาว เพราะมีการกระจายความเสี่ยงมากกว่า รวมถึงมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า โดยจะยังคงมีแนวโน้มต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง จากการเข้าสู่ตลาดที่มากขึ้นของกองทุนETFs ใหม่ๆ

รูปที่ 1 เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง กองทุน ETFs ของไทย กับดัชนี SET Index และ พันธบัตรรัฐบาล ในปี 2560

กองทุน ETFs น่าสน เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า

นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน ETFs ไม่เพียงสามารถลงทุนได้เหมือนกับการซื้อขายกองทุนเปิดทั่วไปนอกตลาด หากแต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการจัดพอร์ตลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ด้วย ยกตัวอย่างการทำ Asset Allocation ที่หมายถึง การแบ่งเงินลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคล  โดยนักลงทุนอาจแบ่งเงินลงทุนในกองทุน ETFs ที่อ้างอิงกับดัชนีหลักทรัพย์ในประเทศ กองทุน ETFs ที่ลงทุนในตราสารหนี้ไทย และอาจเพิ่มผลตอบแทนกับกองทุน ETFs ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างทองคำได้อีกด้วย เป็นต้น

นอกจากนี้นักลงทุนอาจประยุกต์ใช้กลยุทธ์การลงทุนต่างๆ เข้ามาเสริมการทำกำไรให้มีประสิทธ์ภาพมากขึ้นได้ อาทิ 1)การทำ Money Management โดยเน้นที่การกำหนดเงินเป็นสัดส่วนที่แน่ชัดในการเข้าซื้อ ทำกำไร และตัดขาดทุน เป็นการช่วยนักลงทุนฝึกวินัยในการลงทุน และลงทุนอย่างเป็นระบบมากขึ้น 2) การใช้ Technical Indicators เข้ามาช่วยหาสัญญาณทางเทคนิคเพื่อใช้ในการกำหนดจุดเข้าซื้อ ทำกำไร และตัดขาดทุน เช่น การใช้ Moving Average หรือ Bollinger Band ตามความถนัดของแต่ละบุคคล

เมื่อสำรวจคุณลักษณะสำคัญของกองทุน ETFs แล้ว พบว่ามีความเหมาะกับการลงทุนทั้ง 1)กลุ่มมือใหม่ ที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ด้านการลงทุนมากนัก และอาจไม่มีเวลาในการติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้อาศัยจุดเด่น กองทุน ETFs ที่ถูกบริหารโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ และเมื่อกองทุนมีนโยบายการบริหารแบบ Passive อ้างอิงดัชนีต่างๆ จึงได้ประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยง เหมือนๆกับการลงทุนในกองทุนทั่วไปแต่ทำได้ด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า

และ 2) กลุ่มนักลงทุนมือเก๋า ที่สามารถประยุกต์ใช้ กองทุน ETFs ที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าในการสร้างพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (การทำ Asset Allocation) ดังนั้น ถ้าหากท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถในการลงทุน ก็ไม่ควรพลาดโอกาสการเพิ่มผลกำไรจากการลงทุนในระยะยาว โดยใช้ กองทุน ETFs เป็นตัวช่วย ทั้งนี้ ท่านสามารถติดต่อ ขอรับคำปรึกษาการลงทุนในกองทุน ETFs ได้จากฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน ของ บล.ฟิลลิป ที่เบอร์โทร 02-635-1700 ต่อ 777 หรือเข้าไปดูรายละเอียดด้วยตัวท่านเองที่ www.fundsupermart.in.th