ฟินเทค ช่วยลดความเลื่อมล้ำได้อย่างไร

ฟินเทค ช่วยลดความเลื่อมล้ำได้อย่างไร

ผลวิจัยล่าสุดจาก​อ๊อกซเฟมองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำเรื่องการดูแลผู้ด้อยโอกาสในโลกได้ออกรายงานที่น่าสนใจและน่าตกใจในเวลาเดียวกัน

เพราะคนรวยกับคนจนบนโลกของเรายิ่งถูกทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆเข้าทำนอง“จนกระจายรวยกระจุก”อย่างแท้จริง

โดย 82% ของความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในโลกในปีที่แล้วเป็นเงินประมาณ762,000ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 23.7 ล้านล้านบาทไปตกอยู่กับคนจำนวนเพียงแค่ 74,000คนเท่านั้น ขณะที่คนที่เหลืออีก3,700ล้านคนในโลกนี้ไม่ได้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเลยในปีที่แล้ว

ปัจจุบันนี้โลกของเรามีผู้ที่เรียกตัวเองว่า Billionare หรือมีความมั่งคั่งเกิน 1,000 ล้านเหรียญอยู่ที่ 2,043 คนโดยคนรวยสูงสุดเพียง 42 คนมีความมั่งคั่งรวมกันเท่ากับประชากรอีกครึ่งโลกในประเทศอินโดนีเซียคนรวยที่สุด 4 คนแรกของประเทศมีความมั่งคั่งมากกว่าคน 100 ล้านคนที่อยู่ระดับล่าง และมหาเศรษฐีอเมริกัน 3 คนที่รวยที่สุดมีความมั่งคั่งเท่ากับคนอเมริกันอีกครึ่งประเทศ(ประมาณ160ล้านคน)

ส่วนของทายาทธุรกิจอ๊อกซเฟม คาดว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า คนที่มั่งคั่งที่สุด 500 คนของโลกจะส่งต่อความมั่งคั่งประมาณ2.4ล้านล้านเหรียญ)ไปให้ทายาทซึ่งความมั่งคั่งที่จะถูกส่งต่อนี้มีขนาดใหญ่กว่าจีดีพีของอินเดียประเทศที่มีประชากร 1,300 ล้านคนเสียอีก พูดง่ายๆว่าตระกูลที่รวยอยู่แล้วก็จะรวยมากยิ่งขึ้นไปอีก

แน่นอนว่าช่องว่างที่ห่างกันขนาดนี้คงไม่ได้ใช้เวลาหลักสิบปีในการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนได้อย่างแน่นอนแต่ยังดีกว่าไม่คิดจะทำอะไรเลย โดยผมมองว่าฟินเทคสามารถเข้ามาช่วยลดช่องว่างตรงนี้ลงได้เพราะส่วนหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้เพราะขาดการเข้าถึงสินทรัพย์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง(พร้อมความเสี่ยง)อย่างหุ้นอสังหาริมทรัพย์สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นของที่คนรวยเข้าถึงได้อยู่แล้วแต่คนส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงการทำประกันชีวิตเสียด้วยซ้ำ

การมาของฟินเทคโดยเฉพาะ Robo Advisor ผู้แนะนำการลงทุนอัตโนมัติจะช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงตลาดหุ้นและการลงทุนรูปแบบอื่นได้มากขึ้นเพราะคนรุ่นใหม่มีความสามารถเข้าถึงอินเทอร์เนตได้มากกว่าคนรุ่นเก่า โอกาสที่จะได้รับความรู้ความเข้าใจในด้านการเงินการลงทุนมีมากกว่าคนรุ่นเก่าที่สำคัญเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยดึงเงินลงทุนของคนรุ่นใหม่ให้เข้าสู่ตลาดหุ้นเพราะ Robo Advisor จะลงทุนให้กับลูกค้าอัตโนมัติแม้จะมีเงินเพียงแค่หลักพันบาทก็สามารถลงทุนในหุ้นได้ต่างจากในปัจจุบันการที่จะมีคนลงทุนและให้คำแนะนำเราจะมีเพียงแค่คนรวยเท่านั้น

เมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นได้เร็วและง่ายขึ้นโอกาสที่พวกเขาจะสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาได้ก็มีมากขึ้นอย่างน้อยก็พอที่จะสร้างนิสัยการออมเงินให้เกิดขึ้นได้เทคโนโลยีฟินเทคจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดช่องว่างทางความมั่งคั่งของคนในโลกนี้ลงได้  และเป็นที่น่ายินดีที่ทางสำนักงานก.ล.ต.กำลังจัดทำโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีฟินเทคเพื่อดึงคนรุ่นใหม่ให้สนใจการลงทุนมากยิ่งขึ้นคาดว่าในไตรมาสแรกจะมีความคืบหน้าของโครงการออกโปรดติดตามนะครับ