กลับตัวก็(ไม่)ได้ เดินต่อไปกลัวไม่ถึง!

รวมถึงที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปพูดที่งานเลี้ยงหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงกลาโหมในเชิงตัดพ้อทำนองว่า “รับราชการมา50ปีทำเพื่อประเทศชาติมาโดยตลอด ถ้าประชาชนไม่พอใจก็พร้อมที่จะลาออก”

000 ทันทีที่“วาทะ” ดังกล่าวปรากฏออกมาหลายฝ่ายเรียกร้องให้รองนายกฯ ทำตามที่พูดโดยเฉพาะในส่วนของเว็บไซต์ Change.org ที่ได้ออกแคมเปญล่ารายชื่อภายใต้หัวข้อ “อยากให้รองนายกประวิตรฯ ลาออกตามที่ท่านได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2561 ที่กระทรวงกลาโหม” เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ทิชา ณ นคร อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ได้ฐานะผู้สร้างแคมเปญ กล่าวระบุว่า“เพื่อให้สถานการณ์ที่อึมครึมทางการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีจึงขอให้รองนายกฯทำตามที่พูดไว้”

000 ขณะที่เจ้าตัวซึ่งออกงานท่ามกลางการห้อมล้อมจากการ์ดนับ10คนยังคงปิดปากเงียบไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แรงกดดันดังกล่าวลามไปถึงประเด็นความเชื่อมั่นของทั้งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยเฉพาะในเรื่องความโปร่งใส และเป็นประเด็น“ล่อเป้า” ซึ่งสังคมกำลังติดตามว่า ท้ายที่สุดแล้วทั้งตัวนายกรัฐมนตรี รัฐบาล คสช.รวมถึงพล.อ.ประวิตรเองจะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้

000 ทางเลือกหนึ่ง คือการหาทาง“กลับตัว”หรือลงจาก“หลังเสือ” อย่างสง่างามเพื่อแสดงรับผิดชอบโดยการลาออกตามที่มีการเรียกร้อง ซึ่งหากเป็นไปตามทางเลือกดังกล่าวคงต้องติดตามว่าการเมืองไทยในวันที่ไม่มีรองนายกฯที่ชื่อประวิตรจะเป็นอย่างไร หรือ ทางเลือกที่2 คือการอยู่ในตำแหน่งต่อไป ท่ามกลางแรงกดดันที่มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ทั้งรัฐบาล คสช.และตัวรองนายกฯประวิตรไม่สามารถเดินต่อไปจนถึงปลายทาง แม้จะมีเครื่องมือสำคัญคือคำสั่งมาตรา44อยู่ในมือก็ตาม 

000 สัปดาห์นี้รองนายกฯประวิตรมีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 5 - 7 ก.พ.นี้เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองสถานการณ์และความท้าทายด้านความมั่นคงของภูมิภาค รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียนให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนากลไกความร่วมมือในการขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและเป็นรูปธรรมต่อไป