เลื่อนเลือกตั้งทำลายเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์

เลื่อนเลือกตั้งทำลายเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์

การเลื่อนเลือกตั้งเกี่ยวอะไรกับเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ การเลื่อนเลือกตั้งทำให้เศรษฐกิจถดถอยได้อย่างไร

การเลื่อนเลือกตั้งทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลงจริงหรือ

บางคนบอกแค่เลื่อนเลือกตั้งไปสัก 1 ปี จากปี 2561 เป็น 2562 ก็ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงถึง “ลงแดง” ตาย บ้างก็บอกให้เลื่อนไป 5 ปีเลย แถมมีบางคนถามว่า “เลือกตั้ง ถาม ‘กรู’ หรือยัง”

แต่อันที่จริง เราไม่มีการเลือกตั้งมา 4 ปีแล้ว ถ้าไม่มีเลือกตั้ง 5 หรือ 10 ปี ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องมองคือ เกียรติภูมิของชาติ นานาชาติจะมองว่าเรา ‘เถื่อน’ มีการใช้กำลังอาวุธยึดอำนาจ แล้วเข้าบริหารประเทศมา 4 ปี พาพรรคพวกที่เย้วๆ อยู่ข้างถนน มากินตำแหน่งทางการเมืองหรือในองค์กรอิสระ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจต่างๆ เป็นข้าราชการการเมือง เป็น ‘พนักงานเทกระโถน’ โดยเฉพาะพวกที่ร่วมต่อต้านรัฐบาลที่แล้ว นับพันนับหมื่นคน ยกเว้นแกนนำ กปปส. ที่เป็นดั่ง “หนังหน้าไฟ” ไว้จำนวนหนึ่งเท่านั้น

บางคนอาจเถียงว่าเกียรติภูมิ “กินไม่ได้” แต่ความจริงเกียรติภูมินี่แหละแปลงเป็นเงินได้ ก็เพราะไทยอยู่ในสภาพ “รัฐเผด็จการ” ที่อุปโลกน์รัฐบาลและสภาที่ประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของ จึงทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศถดถอยเพราะเขารังเกียจ อัตราความเสี่ยงของไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ ดูสูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง

 ถ้าไทยมีประชาธิปไตย เศรษฐกิจก็จะดีกว่านี้มาก ทำให้อสังหาริมทรัพย์เติบโตไปด้วย

บางคนอาจมองในแง่ดีว่ารัฐประหารทำให้บ้านเมืองสงบ เป็นสิ่งที่ดี แต่ในความเป็นจริง ความสงบเกิดเพราะเหล่าพวก “หุ่นกระบอก” ที่ร่วมสร้างความวุ่นวายก่อนถึงเวลารัฐประหาร จำนวนมากได้ดิบได้ดีไปแล้ว จึงไม่ออกมาเย้วๆ เช่นแต่ก่อน นี่ยังไม่นับรวมผู้ร่วมก่อการรัฐประหาร ที่ต่างมีเงินเดือนจากรัฐประหารอีกมากมาย รวมถึงพรรคพวกที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งดีกว่าคนอื่น 

 กรณีอย่างนี้จะกัดกร่อนเศรษฐกิจชาติ ทำให้วงจรการโกง เล่นพรรคเล่นพวกขยายวงเพราะตรวจสอบไม่ได้

การเลือกตั้งจำเป็นอย่างไร ก็ดูได้จากประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรง เช่น อัฟกานิสถาน ขนาดคนแตกแยก สู้กันแทบตาย ก็ต้องมาจบที่การเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสิน ถึงขนาดต้องมีทหาร-UN ขนหีบเลือกตั้งมานับคะแนน ก็ต้องทำ

กัมพูชาที่สู้รบกันอย่างยาวนาน ก็จบลงที่การเลือกตั้ง (กลางปีนี้ก็ถึงช่วงเลือกตั้งทุก 4 ปีอีกแล้ว) ดูอินโดนีเซียที่ขัดแย้งมานาน ก็ดีขึ้นทันตาเห็นหลังการเลือกตั้ง 

ล่าสุด เมียนมาหลังเลือกตั้งก็ทำให้เศรษฐกิจพุ่งกระฉูด ใครๆ ต่างแห่ไปลงทุนกันใหญ่

ไม่ใช่ว่าการเลือกตั้งดี เพราะมีเงินสะพัดจากการซื้อเสียง การซื้อเสียงเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อล้มกระดานประชาธิปไตยเท่านั้น  

ในอินเดีย ประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังมีการแจกเหล้าให้ชาวสลัม แต่นั่นเป็นมันข้อปลีกย่อยที่ต้องค่อยๆ แก้ไขกันไป 

การเลือกตั้งจะทำให้ประชาชนมีความหวัง มีความภูมิใจในอำนาจอธิปไตยของตน นานาอารยประเทศก็ร่วมอนุโมทนา เศรษฐกิจชาติจึงดีขึ้น แม้แต่ในยูกันดาที่ผมกำลังมาบรรยายอยู่ในขณะนี้ ก็ดีขึ้นหลังมีการเลือกตั้งที่เป็นธรรม

บางคนไม่เข้าใจบอกว่า แล้วทำไมจีนหรือเวียดนามเป็นคอมมิวนิสต์ ทำไมบ้านเมืองเจริญ 

 ข้อนี้ก่อนอื่นต้องย้อนถามคนพูดก่อนว่าคุณต้องการให้ประเทศเป็นคอมมิวนิสต์หรือ ที่สำคัญต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า เขามีพื้นเพมาจากการปฏิวัติของประชาขนโค่นล้มเผด็จการ แต่ของไทยนี่ถอดประสบการณ์จากจีนโดยทหารไทย (ซึ่งไม่เคยต่อสู้เพื่อประชาชนแบบเหมา หรือ ‘ลุงโฮ’) ยึดอำนาจโดยอ้างตนเป็น ‘คนดี’ และอุปโลกน์ให้อีกฝ่ายเป็น ‘ทรราชย์’

ถ้ายังไม่มีการเลือกตั้ง ปกครองแบบคณาธิปไตยต่อไป ความแตกแยกก็จะเพิ่มขึ้น ความเป็นไทยเหนือ ไทยอีสาน ไทยใต้ก็จะชัดจนยิ่งขึ้น ต่อไประเบิดอาจไม่ลงเฉพาะในจังหวัดภาคใต้ อาจเข้ามาในกรุงบ่อยๆ เหมือนคราไทยส่งตัวอุยกูร์ให้จีน เมื่อนั้นมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงได้ 

แต่ถ้ามีการเลือกตั้ง เราก็จะได้คนที่ประชาชนไว้ใจมาบริหาร ถ้าไม่ดีต่อไปก็เลือกใหม่ ดูอย่างไต้หวันหรือบราซิลที่ผมไปประเมินโรงแรมเมื่อ 2 ปีก่อน เขาเย้วๆ ไล่ประธานาธิบดี แต่เขาไม่ลาออก ก็ต้องรอให้เขาหมดอายุเอง

หลายคนคงทราบว่า ยูกันดาเคยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา เลบานอนก็เคยเป็นสวรรค์สำหรับนานาชาติ พนมเปญก็เคยเป็น “ปารีสแห่งตะวันตก” แต่ถดถอยเพราะสงครามกลางเมืองและเผด็จการทรราชย์ เดี๋ยวนี้ชาติอื่นเน้นปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ดูเหมือนไทยที่เคยเป็นผู้นำอาเซียน กำลัง ‘สาละวันเตี้ยลง’ เพราะเลื่อนเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ

เลือกตั้งคืออารยธรรมของโลกที่นานาอารยประเทศยอมรับ