จากภูมิปัญญาสู่ธุรกิจ…Plee Preme น้ำดื่มปลีกล้วย

จากภูมิปัญญาสู่ธุรกิจ…Plee Preme น้ำดื่มปลีกล้วย

หลายปีที่ผ่านมานี้มีหลักฐานออกมายืนยันมากมายว่า การให้นมบุตรด้วยน้ำนมแม่นั้นมีประโยชน์สูงสุด

เพราะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ ได้เป็นเพียงการทำให้ลูกอิ่มเท่านั้นแต่ยังช่วยส่ง เสริมพัฒนาการ ทางด้านสุขภาพร่างกายและการ เจริญเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพ และจากผลการศึกษาพบว่า ข้อดีของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อีกอย่างก็คือช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านมของแม่ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้คุณแม่ในยุคใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับ การให้นมบุตรด้วยนม แม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หากแต่คุณแม่บางท่านอาจประสบกับปัญหาไม่มีน้ำนมหรือมีน้ำนมไม่เพียงพอสำหรับลูก จากภูมิปัญญาไทยที่ว่า ปลีกล้วยหรือหัวปลี เป็นพืชผักผลไม้ของไทยที่รับ ประทานแล้วช่วยกระตุ้นให้ผู้หญิงที่ให้นมลูกมีน้ำนมเพิ่มขึ้น ทำให้คุณขนิษฐา จันทร์ขจรชัย หรือคุณแก้วตา ซึ่งประสบปัญหาเดียวกันนี้นำมาเป็นโจทย์ในการสร้างธุรกิจ

คุณแก้วตาเล่าว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มปลีกล้วย เป็นสินค้าที่ไม่เคยมีมาก่อนในท้องตลาด ผู้บริโภค ยังไม่รู้จัก ดังนั้นความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ถือ เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจ คุณแก้วตาจึงศึกษาและทำงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐกว่า 2 ปีก่อนการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย

กลยุทธ์ที่คุณแก้วตาใช้ในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดครั้งแรกโดยการแจกสินค้าให้หญิงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตรทดลองดื่ม โดยมีหน่วยงานราชการ และมหาวิทยาลัยหลายแห่งให้การสนับสนุน ซึ่งคุณแก้วตา ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี จึงตัดสินใจทดลองวาง ขายครั้งแรกผ่านช่องทาง Facebook ของตนเอง เนื่องจากต้องการสื่อสารให้กับบุคคลทั่วไปได้เห็น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของปลีกล้วย ได้ทดลองดื่มและดูผลประโยชน์ที่ได้รับแท้จริงของ เครื่องดื่มจากปลีกล้วย ในช่วงแรกผลิตภัณฑ์ Plee Preme ยังกระจายอยู่แค่ เฉพาะในกลุ่มเพื่อนด้วยปัญหาทางด้านการจัดส่งสินค้า

หลังจากนั้นคุณแก้วตาตัดสินใจใช้ตัวแทนจำหน่ายมาช่วยในการกระจายสินค้าให้ออกไปได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง และติดต่อออกงานแสดงสินค้า วางขายผลิตภัณฑ์ตามโรงพยาบาลการเพื่อให้เข้า ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด

จากภูมิปัญญาไทยเพื่อตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ซึ่งเมื่อพบกับปัญหาก็จะหาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ ทำให้คุณแก้วตาตัดสินใจที่จะทำการตลาดออนไลน์ โดยคุณแก้วตาให้ตัวแทนจำหน่ายหลักเป็นผู้ดำเนินการโดยให้เหตุผลว่าตนเองไม่ถนัดในด้านนี้ จึงไว้วางใจให้ตัวแทนจำหน่ายหลักซึ่งมีประสบการณ์นี้ดูแลเรื่องการตลาดออนไลน์

สำหรับกลยุทธ์ในทำการตลาดออนไลน์นั้นเริ่มจากการทำ Instagram เป็นอย่างแรก ต่อมาตามมาด้วย Facebook Page ของ PleePreme ซึ่งทั้งสองช่องทางเริ่มในปี 2558 เพื่อที่จะสื่อสารข้อมูลของผลิตภัณฑ์และทำหน้าที่เป็นเหมือนชั้นวางสินค้าให้กลุ่มลูกค้าได้เห็น เพราะทั้งสองช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ เสียค่าใช้จ่ายน้อย แต่สามารถสร้างการรับรู้ของ สินค้าได้อย่างกว้างขวางจึงเลือกทำทั้งสองอย่าง ไปพร้อมๆกัน

 อย่างไรก็ตามแม้ว่าสองช่องทางนี้ จะมีเป้าหมายคล้ายคลึงกัน แต่มีวัตถุประสงค์ใน การทำแตกต่างกัน หลังจากนั้นจึงเริ่มสื่อสารผ่าน ทาง Website และ Line ตามลำดับ

ทางด้าน Instagrams เริ่มต้นด้วยการใช้เทคนิคการนำเสนอภาพของผลิตภัณฑ์ให้คนเห็นบ่อยๆ จนรับรู้จดจำได้ มีการเขียน Caption คำบรรยายใต้ ภาพถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์และใช้ Hashtag เป็น Keyword ที่คนทั่วไปใช้กันเป็นคำพูดง่ายๆ สั้นๆ สื่อความหมายเช่น PleePremeช่วยบำรุงน้ำนมแม่ นมแม่ดีที่สุด มีปัญหานมแม่ เป็นต้น 

เมื่อมีคนใช้ Hashtag เดียวกันหรือเข้ามาค้นหาคำเหล่านี้ก็จะ ลิงค์มายังหน้า Instagram ของ PleePreme ต่อมา เริ่มเปลี่ยนจากการลงภาพสินค้ามาเป็นการลงภาพการสนทนาระหว่าง PleePreme กับลูกค้าแสดงให้ เห็น review จากผู้ที่รับประทานจริงเพื่อให้ลูกค้า รายใหม่ๆ เชื่อมั่นไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และกล้าที่ สั่งซื้อมาเพื่อทดลองรับประทานถือว่า instagram เป็นช่องทางการสื่อสารหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักสินค้า 

อย่างไรก็ตามสำหรับช่องทางนี้มีเพื่อสื่อสารและ เปิดการขายกับลูกค้าเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้ปิด การขายได้ ดังนั้นลูกค้าที่สนใจจะต้อง Add Line ของ PleePreme เข้ามาเพื่อสั่งซื้อสินค้า

สำหรับ Facebook นั้นทำหน้าที่เป็น Information content มีส่วนช่วยในการทำการ ตลาดได้เป็นอย่างดี โดยเน้นการนำเสนอข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูบุตรให้กับคุณแม่มือใหม่และ Review สินค้าจากผู้ที่เคยรับประทาน โดยไม่มีการกำหนดช่วงเวลาในการโพสที่แน่นอนในแต่ละวัน แต่จะใช้เทคนิคในการเขียน Status ที่ เป็นข้อความให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ช่องทางติดต่อ สั่งซื้อโดยละเอียด ถ้าเป็นการโพสต์ภาพ Review สินค้าจะเป็นการเขียนข้อความขอบคุณลูกค้าที่มา อุดหนุน บอกคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และติด Tag ไปยังลูกค้าคนนั้น 

อีกเทคนิคหนึ่งที่เรียนรู้ได้ จากพฤติกรรมของกลุ่มคุณแม่ยุคดิจิทัลคือการ Search หาข้อมูลใน Facebook โดยใช้ Keyword ที่ต้องการค้นหา เกิดเป็นแนวคิดในการตั้งชื่อหน้า Page facebook ที่เราเห็นกันในปัจจุบันว่า “ Plee Preme น้ำดื่มปลีกล้วยพลีพรีม บำรุงน้ำนมแม่ ปลอดภัย ได้ผลจริง ” ทำให้เมื่อคนที่มีปัญหามีน้ำ นมไม่เพียงพอมา Search หาก็จะเจอผลิตภัณฑ์ได้ ง่ายขึ้น คุณแอนกล่าวต่อว่าโพสที่ทำให้ยอดสั่งซื้อ เพิ่มขึ้นสูงสุดคือ การโพสภาพรีวิวการใช้สินค้า จากดาราหรือผู้มีชื่อเสียง โดยเฉพาะภาพของคุณ กุ๊บกิ๊บและน้องเปาเป่า

ต่อมาไม่นานจึงเริ่มทำ Website ให้เป็น ช่องทางสื่อสารอีกทางหนึ่ง โดยมีเป้าหมายต้อง การให้ website เป็นเหมือนหน้าร้านที่แสดงให้ ผู้บริโภคเกิดความน่าเชื่อถือ ใช้แสดงผลิตภัณฑ์ เป็นแบบชั้นวางสินค้าเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อ บอกรายละเอียดราคา โปรโมชั่น รวมถึงบอกเล่า ความเป็นมาของสินค้า มีการนำรางวัลต่างๆที่ได้ รับมาแสดงความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภคมั่นใจ มากยิ่งขึ้น

กรณีศึกษาของ PleePreme สะท้อนให้ เห็นถึงการเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการที่ ผู้ประกอบการกล้าคิดและการทำในสิ่งใหม่ๆ รวม ถึงการมี Partner เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมีความรู้ และความเข้าใจถึงปัญหาของคุณแม่ สามารถนำ เสนอสินค้าที่ช่วยลด pain สร้าง gain ของคุณแม่ยุคดิจิตอล นอกจากนั้นสำหรับการทำการตลาดออนไลน์การเข้าใจบทบาทที่เหมาะสม ของช่องทางการสื่อการเป็นเรื่องจำเป็น Instagram ใช้ช่วยสร้าง Awareness และใช้ Gain Attention ในขณะที่ Facebook ทำหน้าที่สร้าง Awareness และ Educate กับคุณแม่มือใหม่ ทางด้าน Website ใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และเป็นเหมือนหน้าร้านแสดงสินค้า Line Application เป็นช่องทางเพื่อปิดการในท้ายที่สุด

-----

เครดิตกรณีศึกษาโดยคุณสุรัสวดี วุฒิทรัพย์ทวีสุข นักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล