Hit Refresh : การกลับมาของ ‘ไมโครซอฟท์’?

Hit Refresh : การกลับมาของ ‘ไมโครซอฟท์’?

หลังปีใหม่ ผมมักจะเขียนรีวิวหนังสือให้แฟนคอลัมน์ได้อ่านกัน

ดิมทีตั้งใจว่าจะเป็น Principles ของ เรย์ ดาลิโอ หรือ Adaptive Markets ของแอนดริว โล แต่เมื่อได้อ่านเข้าจริง ปีนี้ ผมขอเลือก Hit Refresh ของ สัตยา นาเดลลาCEO ของ Microsoft คนปัจจุบัน เป็นหนึ่งในหนังสือเล่มที่ชื่นชอบที่สุดในปี 2017

จะว่าไปหนังสือเล่มนี้ ก้ำกึ่งเป็นหนังสือที่ถือว่าสะท้อนอัตชีวประวัติของนาเดลลา มีส่วนที่เป็น How-to ทางธุรกิจ และผสม ไอทีเชิงประยุกต์ แม้คุณจะไม่ใช่แฟนของ ไมโครซอฟท์ ก็อ่านได้สนุกและได้แง่คิดดีๆจากหนังสือเล่มนี้

หนังสือเล่มนี้ เริ่มต้นด้วยช่วงเวลาที่นาเดลลาต้องก้าวขึ้นมาเป็น CEO ต่อจาก สตีฟ บัลเมอร์ เมื่อ 4 ปีก่อน ในยุคที่อาจจะถือว่าตกต่ำสุดๆ ของไมโครซอฟท์ ที่ไอโฟนของ สตีฟ จ็อบส์ ครองโลก ด้วยการพาผู้อ่านมาทำความรู้จักคีย์แมนรุ่นใหม่ของไมโครซอฟท์ผ่านการแนะนำผ่านมุมคิดของนาเดลลาในการสัมมนาแคมปิ้ง ที่รวมผู้ที่จะมากอบกู้ไมโครซอฟท์จนเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์อย่าง Surface Pro ที่ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง 

จากนั้น นาเดลลาก็พาเราย้อนกลับไปในช่วงที่เขาเพิ่งมาเรียนปริญญาโทด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ก่อนจะก้าวมาเป็นวิศวกรของไมโครซอฟท์ในเวลาต่อมา

จุดเด่นของลีลาการเขียนของ Hit Refresh คือการมองพัฒนาการของไมโครซอฟท์ผ่านเลนส์ของหนุ่มชาวอินเดียในยุค 90 ที่ผ่านบรรยากาศการเหยียดผิวชาวตะวันตกบางคนในช่วงนั้น การตัดสินใจแต่งงานกับภรรยาที่ยังอยู่ในอินเดีย การเล่าเรื่องราวของการทำงานในอุตสาหกรรมไอทีผ่านเกม และไอดอลของกีฬาคริกเก็ตในยุควัยรุ่นของเขา

ทั้งหมดมีความเป็น Fiction ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของนาเดลลากับการทำงานไมโครซอฟท์ได้เป็นอย่างดีในครึ่งเล่มแรกของหนังสือ

ช่วงครึ่งหลังของหนังสือ ได้เน้นถึงปรัชญาการทำงานของเขาที่มีส่วนการฟื้นคืนของไมโครซอฟท์ในระดับหนึ่งว่าเขายึดหลักการอยู่ 3 ข้อ ได้แก่

1. ต้องสร้างธุรกิจยุคดิจิทัลผ่าน 4 ปัจจัย ได้แก่ collaboration, mobility, intelligence และ trust 

เขามองว่าแม้คนจะยังทำงานแบบคนเดียว ทว่าในยุค Social Media การทำงานร่วมกันหรือ collaboration เป็นสิ่งที่จำเป็น นอกจากนี้ ทั้ง data และ apps จะต้องสามารถเคลื่อนที่และพกพาหรือ mobility ไปในที่ต่างๆ ของโลก 

แน่นอนว่าการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการจัดการทรัพยากรที่หายากที่สุดในยุคนี้นั่นคือ‘เวลา’ ผ่าน intelligence เป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งหมดจะไม่สามารถเป็นที่นิยมของลูกค้าในวงกว้างหากปราศจากซึ่งระบบความปลอดภัยหรือ trust ได้เลย

2. ซึ่งหลักการดังกล่าว จะสามารถทำได้สมบูรณ์แบบผ่านแพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลได้อย่างถูกและดี อย่าง Cloud ซึ่งนาเดลลาก็ถือโอกาสคุยว่าต้องเป็นของไมโครซอฟท์ถึงจะแจ๋ว

3. ต้องเปลี่ยนจากอยากใช้วินโดวส์มาเป็นเลือกวินโดวส์ จนหลงรักวินโดวส์ อันเป็นที่มาของ Windows 10 ที่มีการผนวกโลกการทำงานและโลกส่วนตัวเข้าด้วยกันในผลิตภัณฑ์ อันนี้ผมว่าเลียนแบบสตีฟ จ็อบส์ออกนอกหน้าไปนิด

ท้ายสุด เขาชี้ว่าวัฒนธรรมขององค์กรซึ่งหมายถึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ ทว่าเป็นการกระทำหรือความคิดของคนทุกคนในองค์กรที่ทำหรือคิดซ้ำๆ จนเป็นความเคยชิน จะเป็นเครื่องนำทางในการทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

ผมชอบที่นาเดลลาแนะนำหนังสือชื่อ Mindset ของแครอล ดาเวกซ์ ที่เน้นย้ำถึง Growth Mindset ว่าเพียงแค่คุณเปลี่ยนความคิดว่าทำไม่ได้แน่ๆ มาเป็นคิดว่าทุกอย่างต้องพัฒนาและเติบโตได้ในที่สุด ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ตามที่คุณเชื่อ เนื่องจากเป็นหนังสือแนว Self-Development ที่ผมมีความเห็นว่าดีที่สุดเล่มหนึ่ง

ประโยคเด็ดของ Hit Refresh ที่ผมคิดว่านิยามความเป็นหนังสือเล่มนี้จากนาเดลลา สัตยา คือ “Consistency is more important than perfection” เขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ในโลก ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะมีความสมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่สำคัญกว่าที่คุณต้องมีความสม่ำเสมอกับสิ่งที่คุณทำ ตรงนี้ นาเดลลาย้ำอยู่เสมอว่าเป็นหลักการทำงานของเขา

หากจะมีจุดด้อยของหนังสือที่ถือว่าผมพอรับได้คือช่วงครึ่งแรกและครึ่งหลังของหนังสือ ดูจะไม่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันและกันสักเท่าไร ตัวละครที่เป็นผู้ช่วยของเขาในด้านต่างๆ ในครึ่งเล่มไม่ได้กลับมา แสดงบทบาทให้เห็นอย่างชัดเจนในภารกิจฟื้นความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในครึ่งหลังของหนังสือ 

ตรงนี้ วอล์เตอร์ ไอแซคสัน เขียนหนังสือ สตีฟ จ็อบส์ ได้ให้เห็นว่ามีความต่อเนื่องของตัวละครมากกว่า ทำให้เรารู้สึกว่าผูกพันหรืออินกับสหายและศัตรูของจ็อบส์ได้แบบมีอารมณ์ร่วมได้ 

อย่างไรเสีย จุดที่ Hit Refresh มีมากกว่า คือการให้หลักการทำงานของ CEO ไมโครซอฟท์เนื่องจากตัวเขาเป็นผู้เขียนเอง

อย่างไรก็ดี Hit Refresh จัดเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่หากคุณเป็นแฟนของไมโครซอฟท์แล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง