มองนโยบายของนายทรัมป์

มองนโยบายของนายทรัมป์

วันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวาระครบรอบ 1 ปีของการก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์

เขาวางแผนจะไปร่วมงานฉลองใหญ่ที่จัดขึ้น ณ สถานพักผ่อนหย่อนใจในรัฐฟลอริดา แต่ต้องงดเพราะเกิดวิกฤติทางการเมืองสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ ส่งผลให้รัฐบาลกลางบางส่วนต้องหยุดการทำงาน เนื่องจากมีงบประมาณถึงวันศุกร์เท่านั้น

การต่อรองกันนำไปสู่ข้อตกลงเมื่อวันจันทร์ รัฐบาลจึงหยุดทำงานเพียง 3 วัน ข้อตกลงนั้นมีผลเพียงชั่วคราว นั่นคือ รัฐบาลจะมีงบประมาณต่อไปอีก 3 สัปดาห์ ในช่วง 3 สัปดาห์นี้ 2 พรรคจะต้องต่อรองกันจนบรรลุข้อตกลงถาวร มิฉะนั้น รัฐบาลจะต้องหยุดทำงานอีก

ความขัดแย้งที่ทำให้พรรคการเมืองของสหรัฐโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในตอนนี้มีหลายอย่าง

ประเด็นที่เป็นปัญหาเร่งด่วนได้แก่ เรื่องเกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปอยู่ในสหรัฐของชาวต่างชาติ ซึ่งนายทรัมป์และผู้สนับสนุนต้องการกีดกันผู้ที่มิใช่ชนผิวขาว ในกลุ่มนี้ มีผู้เหยียดผิวร้ายแรงและจิตใจไร้ความเมตตาถึงกับจะให้ขับไล่ชาวต่างชาติ 8 แสนคนออกนอกประเทศทันที 

ผู้เป็นเป้าในการขับไล่เป็นอดีตเด็กที่พ่อแม่นำเข้าไปในสหรัฐ เด็กไม่มีส่วนรู้เห็นในการทำผิดของพ่อแม่ และส่วนใหญ่ไม่มีที่ไปเพราะเติบโตในสหรัฐ 

การสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันได้ผลว่า ส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ที่จะถูกขับไล่อยู่ในสหรัฐต่อ แต่พวกเหยียดผิวไม่ยอม และนายทรัมป์เองดูจะเห็นด้วย  

ในการต่อรองกัน นายทรัมป์ต้องการให้สร้างกำแพงถาวรกั้นเขตแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกเนื่องจากผู้เข้าไปอยู่ในสหรัฐแบบผิดกฎหมายส่วนใหญ่ไปจากเม็กซิโก นายทรัมป์ต้องการให้เม็กซิโกจ่ายค่าก่อสร้าง แต่เม็กซิโกไม่ยอม จึงจำเป็นต้องของบประมาณจากรัฐสภา

ระหว่างที่การโต้แย้งกันเป็นไปอย่างเผ็ดร้อนนี้ มีรายงานน่าสนใจซึ่งนักการเมืองที่เกี่ยวข้องจะรับรู้แล้วเพียงไรไม่เป็นที่ประจักษ์ 

รายงานแรกเป็นของคณะกรรมการและมูลนิธิทางวิทยาศาสตร์ของสหรัฐซึ่งสรุปว่า จีนกำลังมาแรงมากด้านการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนจะเป็นมหาอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐแล้ว  

อีกรายงานหนึ่งเป็นของสำนักสื่อบลูมเบิร์ก ซึ่งชี้ว่าชาวจีนหัวกะทิที่ไปเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสหรัฐ และได้รับวีซ่าให้อยู่ต่อเพราะสหรัฐต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นพากันละทิ้งวีซ่ามากขึ้น เนื่องจากมองว่าถูกกีดกันทำให้โอกาสก้าวหน้าและสร้างความร่ำรวยต่ำกว่าในจีน 

รายงานจำพวกนี้ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนยิ่งวิตกว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐทั้งทางเศรษฐกิจและการทหารในเวลาอันสั้น นั่นหมายความว่าสหรัฐจะตั้งกฎเกณฑ์เพื่อเอาเปรียบชาวโลกไม่ได้อีกต่อไป ส่งผลให้ไม่สามารถกอบโกยทรัพยากรโลกไปบริโภคเพิ่มเช่นเดิมได้

อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ นายทรัมป์ประกาศการตั้งกำแพงภาษีเครื่องซักผ้าจากเกาหลีใต้ และแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากจีน โดยกำแพงภาษีเป็นนโยบายที่มาจากแนวคิดเรื่อง“อเมริกามาก่อน” ของนายทรัมป์ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

นายทรัมป์ได้ประกาศยุติข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศในอเมริกาเหนือและกับกลุ่มเอเซียแปซิฟิกเพราะเขามองว่า สหรัฐไม่ได้เปรียบสูงพอ 

เขามองด้วยว่าจุดยืนของเขาจะส่งผลให้สหรัฐมีอำนาจในการต่อรองจนได้เปรียบมากขึ้นซึ่งรวมถึงการขายถ่านหินให้ต่างประเทศมากขึ้นด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่า นายทรัมป์ยังสนับสนุนอุตสาหกรรมถ่านหินแบบสุดกำลัง ทั้งที่โรงฟ้าถ่านหินในสหรัฐและในประเทศก้าวหน้าต่างพากันปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเพราะความสกปรกของถ่านหินมีผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม

จากมุมมองของผลกระทบ นโยบายที่มาจากการเหยียดผิวและนโยบายการค้าที่มาจากแนวคิดเรื่อง “อเมริกามาก่อน” จะมีผลกระทบแบบมองเห็นได้ทันที แต่จะไม่กว้างขวางและร้ายแรงเท่าผลที่มองเห็นยากจากนโยบายในด้านการสนับสนุนถ่านหินอันเป็นส่วนหนึ่งของการลดความสำคัญของสิ่งแวดล้อมของนายทรัมป์ ซึ่งแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การดึงสหรัฐออกจากข้อตกลงด้านโลกร้อน ณ นครปารีส และการเปิดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ขุดเจาะหาน้ำมันได้ในผืนดินและท้องทะเลที่มีความเปราะบางสูง

นายทรัมป์จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกอย่างน้อย ปี นโยบายของเขาจะมีผลดีต่อสหรัฐเพียงไรยากที่จะประเมินในตอนนี้ แต่แนวโน้มเบื้องต้นบ่งชี้ว่า มันจะมีผลกระทบทางลบสูงต่อชาวโลกอย่างแน่นอน