หนึ่งบรรทัดนิยายกลายเป็นแนวคิด

หนึ่งบรรทัดนิยายกลายเป็นแนวคิด

เพียงหนึ่งบรรทัดจากนิยายที่แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งของชีวิต สามารถเป็นฐานเพื่อการต่อยอด เป็นแนวคิดที่น่าสนใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ครอบครัวทั้งหมดที่มีความสุข มีลักษณะเหมือนกัน; แต่ละครอบครัวที่ไม่มีความสุขต่างก็ไม่มีความสุขตามเส้นทางของตนเอง” (Happy families are all alike; every unhappy family is unhappy in its own way.) ประโยคเริ่มต้นของนิยายดังก้องโลกชื่อ Anna Karenina (1877)ของ Leo Tolstoy ให้ข้อคิดในเรื่องความสุขที่น่าคิดยิ่ง

ถ้าแม้น Leo Tolstoy นักเขียนผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ก็จะมีอายุ 190 ปี ประโยคที่เขาทิ้งไว้นี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีผู้เอามาแปลเป็นกฎโดยให้ชื่อว่า Anna Karenina Principle  ซึ่งสามารถเอามาประยุกต์ได้อย่างกว้างขวางในชีวิต

ความหมายของประโยคแรก ของนิยายเรื่องนี้ก็คือ ครอบครัวที่มีความสุข จะมีลักษณะที่คล้ายกัน เช่น มีความรักเห็นอกเห็นใจกัน มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคง มีความสัมพันธ์ที่ดี ต่อกัน รักและปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงใจ ฯลฯ 

ส่วนครอบครัวที่ไม่มีความทุกข์นั้น มีสาเหตุมาจากร้อยแปดพันประการ แต่ละครอบครัวก็มีการไม่มีความสุขในลักษณะที่แตกต่างจากกันไป

สิ่งที่ Tolstoy บอกก็คือ มันมีเงื่อนไขของการมีครอบครัวที่มีความสุข ซึ่งทุกครอบครัวจะต้องมีเหมือนกัน ส่วนครอบครัวที่ขาดความสุข ขาดเงื่อนไขบางข้อไป และอาจขาดไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นหากต้องการมีครอบครัวที่มีความสุขแล้วจะต้องสร้างเงื่อนไขดังว่าทั้งหมดให้ครบ

ประโยคที่ก้องโลกนี้อีกกว่าร้อยปีต่อมา ก็มีคนเอามาตีความให้ลึกซึ้งอย่างผิดแปลกออกไปบ้าง และเอามาเรียกเป็นกฎโดยระบุว่า การขาดสิ่งหนึ่งไปในชุดของสิ่งที่จำเป็นจะทำให้ความพยายามที่กระทำอยู่นั้นล้มเหลวลง ดังนั้นความพยายามที่สำเร็จก็คือการหลีกเลี่ยงในทุก ๆ ทางไม่ให้เกิดการขาดสิ่งนั้น

พูดง่ายๆก็คือครอบครัวจะมีความสุข ก็เมื่อประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่องที่สำคัญดังกล่าวแล้ว หากล้มเหลวไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะนำไปสู่การไม่มีความสุข ดังนั้น จึงมีหนทางมากกว่าในการที่ครอบครัวจะไม่มีความสุขมากกว่ามีความสุข 

ฟังดูแล้วอดหดหู่ แต่ Tolstoy กำลังพูดถึงความจริงของชีวิต เพื่อให้ทุกครอบครัวระวัง และปลอบใจการไม่มีความสุขของครอบครัว ดังที่ปรากฏในนิยาย Anna Karenina

ตัวอย่างของการประยุกต์ Anna Karenina Principle คือ เรื่องที่สัตว์ป่าน้อยชนิดที่จะได้กลายมาเป็นสัตว์ที่มนุษย์เอามาเลี้ยงใช้งาน Jared Diamond ในหนังสือดังชื่อ Guns, Germs and Steel (1997 )ใช้กฎข้อนี้มาอธิบายอย่างน่าสนใจ

เขาบอกว่าในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีสัตว์ที่มนุษย์นำมาใช้งาน (domesticated animals)น้อยชนิดมาก โดยแยกเป็น 6 ลักษณะด้วยกันกล่าวคือ (1)สัตว์พันธุ์นั้นต้องไม่จู้จี้เลือกอาหารมาก (2)ต้องมีอัตราการเติบโตที่สูงจึงจะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ (3)ต้องแพร่พันธุ์ในที่กัก ขังได้  ถ้าไม่ยอมผสมพันธุ์ก็เพิ่มจำนวนไม่ได้ 

 (4)ต้องไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวและ ดุร้าย ตัวอย่างเช่น ม้าลายซึ่งรักอิสระ และมีอารมณ์ต่างจากม้าปกติ จึงเอามาใช้งานไม่ได้ (5)สัตว์พันธุ์ที่ตื่นง่ายไม่เหมาะอย่างยิ่ง และ(6)สัตว์พันธุ์ที่มีลักษณะความสัมพันธ์ทางสังคมแนวตั้ง เช่น สุนัข แกะ วัว(มีจ่าฝูง)เหมาะสม แต่ประเภทรักอิสระ ชอบอยู่ตัวเดียวโดด ๆนั้นไม่เหมาะสม

เมื่อพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่าสัตว์พันธุ์ที่สามารถเอามาใช้งานได้อย่างประสบผลสำเร็จมีน้อยมาก เพราะมีไม่ครบทั้ง 6 ลักษณะดังกล่าว คล้ายกับกรณีของการขาดความสุขในครอบครัว ซึ่งมักมีบางองค์ประกอบที่ขาดไป

ผู้อ่าน Anna Karenina นับร้อยๆ ล้านๆ คนอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างชื่นชมผู้แต่ง เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตจริงของผู้คนในระดับชาวบ้าน และชนชั้นกลางในรัสเซีย ในยุคนั้นที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และ ราคะ (เฉกเช่นเดียวกับยุคสมัยอื่น) Anna Karenina เป็นตัวนำของเรื่องที่ชีวิตไปโยงใยกับญาติ เพื่อน และญาติสามี 

เธอหลงรักชายรูปหล่อจนเป็นชู้กันทิ้งสามีและลูก จนในที่สุดพบแต่ความทุกข์ เพราะชายหนุ่มไม่ต้องการความผูกพัน ในความทุกข์เธอก็มีความสุขสลับกันไป เพราะได้ยอมรับความเสี่ยงทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตของเธอ เพื่อหาความรักแท้และก็พบความจริงในที่สุดหลังจากยอมแพ้ชะตากรรมเธอก็ฆ่าตัวตาย

Tolstoy เขียนได้สะเทือนอารมณ์ผู้อ่าน ให้ทั้งคติการดำเนินชีวิตและแง่คิดเกี่ยวกับความรักทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เขาบอกว่า ความรักทำให้ความเป็นมนุษย์สูงขึ้น” แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความทุกข์  กระนั้น โรมานซ์และรักแท้” ก็มีจริง(ถ้าหาเจอ) แต่ก็ต้องสุ่มเสี่ยงหาดังเช่น Anna Karenina

ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผู้อ่านก็คือความรู้สึกไม่เป็นธรรมกับชะตากรรมของเธอ แต่Tolstoy ก็พยายามบอกว่าการคิด เป็นธรรม” หรือ ไม่เป็นธรรม” ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด สู้การคิดแง่บวกเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรมจะเหมาะสมกว่า

Leo Tolstoy มีชื่อทางการว่า Count Lev Nikolayevich Tolstoy (1828-1910) เกิดในครอบครัวขุนนาง(จริงๆ เป็นท่านเคาท์) ทิ้งผลงานสำคัญคือ War and Peace (1869) และนิยายสำคัญอีกนับเป็นสิบๆ เรื่อง 

ข้อเขียนของเขาในเรื่องความไม่รุนแรง จุดประกายความคิดของบุคคลสำคัญในชั่วคนต่อมาในศตวรรษที่20 เช่น มหาตมะ คานธี และ Martin Luther King Jr.

คนทั่วโลกแปลหนังสือของเขาเป็นภาษาท้องถิ่นรวมกันนับเป็นหมื่นเล่มในเกือบทุกภาษาของโลก เฉพาะ Anna Karenina มีคนแปลจากภาษารัสเซียเป็นภาษาอังกฤษถึง10 เวอร์ชั่น ถูกสร้างเป็นละครภาพยนตร์ และโอเปรา ตลอดระยะเวลา 141 ปีนับเป็นร้อยๆ ครั้ง

ชีวิตอันน่าสลดใจของ Anna Karenina ในการแสวงหาความรักแท้ เป็นเรื่องน่าสนใจ และเป็นบทเรียนแก่ชีวิตหญิงชายจำนวนมากมายในโลก นิยายอมตะเรื่องนี้ ได้รับการยอมรับในโลกว่าเป็นนิยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์

Anna Karenina Principle เตือนใจให้ผู้คนระมัดระวังในการพยายามกระทำสิ่งใดก็ตามว่า ความสำเร็จมีปัจจัยที่คล้ายคลึงกัน และจำเป็นต้องมีให้ครบ ในขณะที่ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้ง่ายกว่ามาก เพราะเพียงขาดปัจจัยหนึ่งไปเท่านั้น

ชีวิตและการมีความสุขเป็นสิ่งเปราะบาง หากมีชีวิตที่ดี และมีความสุขแล้ว ต้องประคับประคองไว้ให้ดี อย่าได้นึกว่าเมื่อเราทำดีแล้ว โลกจะมีความเป็นธรรมให้เรา 

ความจริงก็คือไม่มีอะไรที่จะประกันให้โลกมีความเป็นธรรมแก่มนุษย์ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม