Sharing Economy แนวโน้ม“ศก.แบ่งปัน”กับอนาคตปี 2018

เป็นกระแสที่กำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง และอาจเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงที่สุดเทรนด์ถึงของโลก โดยจากการประมาณการในปี 2017 ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ ธุรกิจแบ่งปันอาจมีมูลค่ารวมสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และทั่วทั้งโลกกำลังให้ความสนใจการทำธุรกิจโดย “แบ่งปัน” ทรัพยากรร่วมกัน ลองมาดูกันค่ะว่าเทรนด์ในปี 2018 จะเป็นอย่างไร

หลายคนอาจคาดเดาไปถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI บล็อกเชน รถยนต์ไฟฟ้าฯลฯ แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมเหล่านั้นคือเจ้า Sharing Economy นั่นเอง แม้บางคนมักผูกโยงไปถึงผู้ประกอบการอย่าง Airbnb หรือ Uber เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว Sharing Economy มีคอนเซ็ปต์การแบ่งปันที่กว้างกว่านั้น นั้นคือแนวคิดในการสร้าง ซื้อขาย แลกเปลี่ยน และแบ่งปันสินค้า บริการ หรือทรัพยากรร่วมกันได้ ซึ่งจะประกอบด้วยสามห่วงแห่งคุณค่า นั่นคือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงจะเป็นSharing Economyอย่างแท้จริง

“เบนิต้า มาทอฟสก้า” จากเวบไซต์ sustainablebrands.com กล่าวว่า Sharing Economy นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมนับตั้งแต่การปฏิบัติอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มที่น่าสนใจในปี 2018 ดังนี้

1.อนาคตของแรงงาน มีการประมาณการกันว่า 40%ของแรงงานทั้งหมดจะกลายเป็นฟรีแลนซ์ภายในปี 2020 หรือที่เรียกว่าเป็นGig Economy (Gigเป็นคำแสลง หมายถึงงานที่ทำชั่วคราว หรือรับจ๊อบเป็นครั้งๆ ไป) ซึ่งก็น่าจะเห็นแรงงานประเภทGigนี้มากขึ้นในปี 2018 และจะเป็นงานที่ได้รับความเข้าใจหรือความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยู่นอกระบบแรงงานปกติ เราจะเห็นประเภทใหม่ของเศรษฐกิจแบ่งปันที่คนทำงานมารวมตัวกัน และสนับสนุนการทำงานแบบฟรีแลนซ์ในลักษณะนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบสวัสดิการหรือความคุ้มครองบางอย่างเพื่อให้ “ฟรีแลนเซอร์” เหล่านี้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ

2.อนาคตของการแพทย์ทุกวันนี้มีแอพเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์กว่า 175,000 แอพทางApple Storeและในปีนี้เราจะเห็นระบบการบูรณาการทางการแพทย์ที่มีความเหมาะสมกับแต่ละคนมากขึ้น ตั้งแต่การติดต่อระหว่างผู้ป่วยและแพทย์โดยตรง ไปจนถึงการรวมตัวกันของผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการทางการแพทย์ ซึ่งระบบการแพทย์จะนำเอาคอนเซปต์ของSharing Economyเข้ามาใช้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการทางการแพทย์ที่เดิมเน้นเพียง “การรักษาโรค” ให้กลายเป็นระบบที่ตรงกับความสนใจของทุกคน

3.อนาคตของการแพทย์เป็นที่ประมาณการว่าปัจจุบันมีธุรกิจเพื่อสังคมประมาณ 170 ล้านธุรกิจทั่วโลก โดยธุรกิจเพื่อสังคมหรือSocial enterpriseไม่ได้เพียงแต่มุ่งสร้างกำไร แต่ต้องสร้างประโยชน์ให้สังคมโดยรวมด้วย (การแบ่งปัน) โดยในปี 2018 กิจการเพื่อสังคมจะเริ่มเป็นที่แพร่หลาย เมื่อโลกธุรกิจทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมนั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และลูกค้ามีการบริโภคอย่าง “รอบคอบ” มากขึ้น ธุรกิจทั่วไปก็ต้องหาทางเข้ามามีส่วนร่วมในSharing Economyด้วยเช่นกันหากยังต้องการมีพื้นที่ยืนในการทำธุรกิจต่อไปในอนาคต

4.อนาคตของทรัพยากรจากการคาดการณ์ในรายงานPwC Megatrends 2017ประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในโลกเราทำให้มีความต้องการอาหารมากขึ้น35%ต้องการน้ำมากขึ้น 40%และต้องการพลังงานมากขึ้น 50%ภายในปี 2030 จึงชัดเจนว่าการร่วมกันใช้ทรัพยากรนั้นจะกลายเป็นความจำเป็นในปี 2018 ทั้งภาครัฐ เอกชน ธุรกิจ ประชาชน ครัวเรือน และชุมชน จะตระหนักถึงความจำเป็นของการแบ่งปันหรือSharing Economyเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยปัจจุบันยังมีทรัพยากรโลกอีกมากที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ และเริ่มมีแนวคิดริเริ่มนับหมื่นๆ ไอเดียในการสรรหาและนำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้แล้ว

5.อนาคตของชุมชนกว่าครึ่งของประชากรทั่วโลกใช้สมาร์ทโฟนและสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และคนกว่า 2,800 ล้านคนทั่วโลกหรือคิดเป็น 37%ของประชากรโลกใช้โซเชียลมีเดีย ทุกวันนี้เราจึงติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย และในปี 2018 เราจะเห็นการติดต่อแบบออนไลน์กลายเป็นการติดต่อแบบ “ออฟไลน์” มากขึ้น เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเริ่มจะปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้คนมีการปฏิสัมพันธ์กันในชีวิตจริง และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคนและชุมชนมากขึ้น (คำแถลงของ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ที่จะลดบทบาทFacebook Pageลงเป็นสิ่งยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี) ในปี 2018 คนจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น

การที่ธุรกิจสามารถสร้างคุณค่าให้แก่ทั้งตัวธุรกิจเองและแก่ผู้อื่นได้ ประโยชน์ของการเชื่อมต่อกันของคนและชุมชนและความเชื่อที่ว่าเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ จะกลายเป็นสิ่งสำคัญในปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่Sharing Economyก็จะยังคงเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตและอนาคตพวกเราอย่างต่อเนื่องค่ะ