คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางชีวิตได้

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางชีวิตได้

ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามประกาศให้วันที่ 15 มกราคม ทุกปีเป็นวันหยุดของทุกมลรัฐ (Federal Holiday) เรียกว่า MLK Day หรือวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง

ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้มีสถานะเป็นวันหยุดของสหรัฐทุกมลรัฐ

คนสำคัญคนหนึ่งในทีมผู้บริหารของทรัมป์ คือ นายแพทย์เบ็น คาร์สัน (Ben Carson) ซึ่งเป็นคนผิวสีหนึ่งเดียวของคณะรัฐมนตรีในประธานาธิบดีทรัมป์

Ben Carson มีประวัติที่น่าสนใจมาก เป็นคุณหมอที่มาจากครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มีปัญหาในครอบครัวช่วงเป็นเด็ก แต่กลายเป็นศัลยแพทย์ด้านสมองที่เป็นที่ยอมรับ

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางชีวิตได้

คุณหมอเบ็น คาร์สัน (Ben Carson) ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีที่ดูแลด้านสุขภาพและบริการประชาชน (Health and Human Services) ของสหรัฐ หลังจากเข้าแข่งขันชิงเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกันประธานาธิบดี แต่พ่ายแพ้ให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ภายหลังได้หันมาสนับสนุนทรัมป์ และทรัมป์ได้เสนอครั้งแรกให้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข แต่คุณหมอเบ็นไม่รับ อ้างว่าไม่เคยทำงานบริหารราชการมาก่อน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ลดความพยายาม เสนอให้เป็น รมว.ด้านสุขภาพและบริการประชาชน (Health and Human Service) คราวนี้คุณหมอไม่ปฏิเสธ และได้เข้ารับตำแหน่ง

รู้เรื่องประวัติของคุณหมอเบ็นมานานแล้ว เพราะคนจำนวนมากพยายามผลักดันให้คุณหมอเล่นการเมือง แต่คุณหมอก็ไม่ตัดสินใจ แต่ทำงานเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ้อบกิ้นส์ (John Hopkins U.) ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางการผ่าตัดสมอง

เคยดูหนังประวัติของท่านตั้งแต่เป็นเด็กมีปัญหาถึงขนาดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและใช้มีดแทงเพื่อน คุณแม่คุณหมอเป็นเพียงคนรับจ้างทำงานบ้าน แต่ก็พยายามปลูกฝังให้ลูกเป็นคนดี แต่สภาพของเด็กผิวสีในเมืองใหญ่หนีไม่พ้นกับเรื่องวุ่นวาย เธอเปลี่ยนโรงเรียนให้ลูกหลายครั้ง จากโรงเรียนเดิมที่เด็กนักเรียนเป็นเด็กผิวสีเป็นส่วนใหญ่ให้ไปเรียนที่โรงเรียนคนผิวขาวเรียนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้รับการดูถูกเหยียดหยามอีก และมีปัญหาในโรงเรียน และแม้กระทั่งที่บ้านก็มีปัญหา

เหตุการณ์ที่พลิกผันเกิดขึ้นเมื่อเขาเป็นเด็กเรียนดี เป็นเพชรในตมที่ได้รับการค้นพบ จึงได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเยล (Yale U.) และดูเหมือนจะจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน (U. of Michigan) ก่อนที่จะมาทำงานเป็นนายแพทย์ที่โรงพยาบาลจอห์น ฮอบกิ้นส์ แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์ ที่มีชื่อเสียงด้านโรงเรียนแพทย์อันดับต้นๆของประเทศสหรัฐ

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้จักและหนังสือพิมพ์ลงข่าวกันคือกรณีแพทย์ผ่าตัดที่โรงพยาบาลจอห์น ฮ้อบกิ้นส์ ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องการผ่าตัดสมองของคนไข้ผู้หนึ่ง(จำไม่ได้ว่าเป็นอาจารย์แพทย์ผู้หนึ่งของมหาวิทยาลัยหรือไม่) แต่เนื่องจากเป็นเคสที่สำคัญทั้งในด้านตัวบุคคลและในด้านการผ่าตัดที่ซับซ้อน จึงไม่มีใครกล้าทำ ในที่สุด คุณหมอคาร์สัน แพทย์ผิวสีของมหาวิทยาลัยตัดสินใจลงมือเป็นหัวหน้าทีมผ่าตัดเอง ความสำเร็จครั้งนี้นำมาซึ่งชื่อเสียงคุณหมอคาร์สันให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก จากนั้นก็ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดแยกกะโหลกศีรษะเด็กที่เป็นที่กล่าวถึง

ในช่วงเวลานั้นคือประมาณปี 1980-1990 อยู่ที่สหรัฐ จึงได้รับข่าวเรื่องความสำเร็จของการผ่าตัดโดยคุณหมอเบ็น คาร์สัน จากสื่อมากมาย

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางชีวิตได้

คุณหมอเบ็น คาร์สัน กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงด้านการแพทย์และกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาถูกคะยั้นคะยอให้เล่นการเมือง โดยเฉพาะพรรคเดโมแครตซึ่งประธานาธิบดีโอบามาเป็นคนผิวสี แต่คุณหมอคาร์สันก็ไม่ยอมลงสนามเลือกตั้ง แต่ก็มีบทบาทและถือเป็นต้นแบบ หรือ role model สำหรับคนรุ่นใหม่ ได้รับเชิญไปพูดออกรายการสื่อต่างๆหลายครั้ง หลายคำถามที่ถูกถามเกี่ยวข้องกับแนวคิดทางการเมือง

เขาไม่สามารถตอบคำถามได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเหมือนคนอื่น เรื่องนี้ทำให้เขาลังเลทุกครั้งที่มีผู้เสนอให้เล่นการเมือง แต่ในที่สุดคุณหมอก็ลงสนามการเมือง แต่แทนที่จะลงในนามพรรคเดโมแครต กลับลงในนามพรรครีพับลิกัน สร้างความผิดหวังให้กับชาวเดโมแครต

และเมื่อลงสมัครเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน เขาต้องเจอกับผู้สมัครท่านอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่า และมีลีลาวาทะกรรมหาเสียงมากกว่า คะแนนของเขาก็ลดลงเรื่อยๆตั้งแต่รอบการแสดงวิสัยทัศน์ จนในที่สุดก็ถอนตัว และหันไปสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์

อย่างไรก็ตาม คุณหมอเบ็น คาร์สัน ก็ถือว่าเป็น role model ของคนรุ่นใหม่ ทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะคนผิวสีเท่านั้น ข่าวคราวของคุณหมอเงียบไปตอนนี้ จึงไม่ทราบว่าท่านได้ทำอะไรบ้าง เพราะดูเหมือนประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตัดลดงบประมาณด้านบริการสังคมและสาธารณสุขที่ท่านรับผิดชอบลงไปมาก ก็คงต้องติดตามท่านต่อไป

เล่าสู่กันฟัง ในฐานะที่วันนี้เป็นวันเด็ก เพราะ Ben Carson ก็มาจากเด็กมีปัญหา

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางชีวิตได้

(ขอบคุณข้อมูลรายละเอียดจากนายแพทย์ Kanawat Chantaralawan)