"ผู้หญิง"ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

"ผู้หญิง"ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

ปัจจุบันประชากรครึ่งหนึ่งของโลกหรือเทียบเป็น 49.6% คือผู้หญิง ในหลายประเทศจำนวนประชากรผู้หญิงก็มีสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชายอย่างชัดเจน

จากผลการสำรวจจำนวนประชากรโลกของ World Bank พบว่าในปี 2016 ประชากรโลกมีแนวโน้มที่แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของผู้หญิงจะเพิ่มมากขึ้น ผู้ชายจะมีอายุเฉลี่ยที่สั้นลง และยังมีแนวโน้มอีกว่าจำนวนประชากรผู้หญิงจะแซงหน้าผู้ชายในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว 

ที่สำคัญ จำนวนผู้หญิงเหล่านี้เป็นผู้หญิงทำงาน เป็นแรงงานหลักในสังคม ทำให้ผู้หญิงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกและกำลังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจับตามอง

ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้มาจากจำนวนประชากรเท่านั้น แต่รวมถึงกำลังซื้อที่สูงขึ้น จากรายงานของบลูมเบิร์ก พบว่าผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และมีกำลังซื้อสูงถึง 85% ของค่าใช้จ่ายในครัวเรือนทั้งหมด เช่น บ้าน รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าสุขภาพ และอาหาร 

ตลอดจนบทบาทที่เปลี่ยนไปของผู้หญิงในสมัยนี้ ที่ผู้หญิงทำงาน และมีการสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้มากกว่าในอดีต รวมทั้งมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคงขึ้น โดยบอสตัน คอนเซ้าส์ทิ้ง กรุ๊ป พบว่า ในปี 2559 มูลค่าทรัพย์สินทั่วโลกที่มีเจ้าของเป็นผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% แสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงที่เติบโต และมีศักยภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ที่น่าสนใจคือ การที่ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในทางเศรษฐกิจ และสามารถพึ่งพาตัวเองในทางการเงินได้มากกว่าแต่ก่อน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจซื้อของผู้หญิงเพิ่มขึ้น แต่ส่งผลให้ความเชื่อ ค่านิยม รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปอีกด้วย เช่น ความเป็นอิสระที่มากขึ้น ทั้งในแง่ของพฤติกรรมการใช้เวลาและการใช้จ่าย การวางแผนครอบครัวที่ผู้หญิงเลือกที่จะไม่มีบุตรหรือมีบุตรช้าลง แนวโน้มการวางแผนแต่งงานช้าลง หรือแม้แต่สถิติการหย่าร้างที่เพิ่มมากขึ้น 

นั่นก่อให้เกิดตลาดใหม่นั่นก็คือ กลุ่มสาวโสด ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดโอกาสในการทำการตลาดของแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่า She Marketing หรือ She-Conomy กลุ่มผู้บริโภคหญิงจะกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ ที่ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ และพฤติกรรมการบริโภคของผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดความต้องการใหม่ๆ ตามมา มีสินค้าและบริการใหม่จำนวนมากเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเหล่านี้

ในประเทศไทยเรามีประชากรรวมทั้งหมด 65.9 ล้านคน เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่ง คือ 33 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นสาวโสดมากกว่า 31% ซึ่งถือว่ามีจำนวนเยอะที่สุดในเอเชีย คาดการณ์ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ไทยเราจะมีจำนวนประชากรผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 ล้านคน เห็นได้ชัดว่าในครัวเรือนต่างๆ อำนาจทางการเงินส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่ผู้หญิง หรือแม้แต่สาวโสดเองก็ตามที่ยุคนี้มีกำลังซื้อมากขึ้น และพร้อมที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด

นอกจากนี้ ผู้หญิงยุคใหม่ยังมีความมั่นใจในตัวเอง พร้อมที่จะจับจ่าย ซื้อสินค้าที่ทำให้ตัวเองดูดี มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจับจ่ายบนโลกออนไลน์ที่มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี

เมื่อผู้หญิงกลายมาเป็นผู้มีอิทธิพลในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ หรือสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคหญิงโดยเฉพาะ เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจท่องเที่ยว โรงแรม รถเช่า ที่ตอบสนองเทรนด์ผู้หญิงยุคใหม่ที่รักความอิสระ ชอบเดินทางคนเดียว โดยการนำเสนอ รูปแบบการท่องเที่ยวในแบบผู้หญิง โดยใช้เรื่องของความปลอดภัยเป็นจุดขาย 

นอกจากนี้ ในเรื่องของเทคโนโลยีผู้หญิงให้ความสนใจกับโลกเทคโนโลยีมากขึ้น มีการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการชอปปิงออนไลน์ ทำให้ผู้ให้บริการอย่างเราที่มีแอพพลิเคชั่น ช้อปปี้ ก็ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่นี้ แต่ยังต้องมีการจัดเวิร์คชอปเพื่อดึงดูดผู้ใช้ผู้หญิงให้มาเป็นผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของเราซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้หญิงได้อีกด้วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้หญิงได้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะในฐานะแรงงานหรือผู้บริโภค ที่จะทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตพร้อมส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงให้มากขึ้นตามไปด้วย กลุ่มลูกค้าผู้หญิงจึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญและมีศักยภาพเป็นลำดับต้นๆ จึงถือเป็นการบ้านสำคัญที่จะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อจับตลาดคนกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต