ถึงกาลสูญพันธุ์ของ คนข่าวคุณภาพแล้วหรือ

ถึงกาลสูญพันธุ์ของ คนข่าวคุณภาพแล้วหรือ

ภาพนี้มีคนเอาขึ้นเฟซบุ๊ค และตั้งคำถามว่า ทำไมสื่อจึงแห่กันไปทำข่าวบางเรื่อง ที่เป็นเพียงกระแสชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

ไม่มีสาระต่อสังคมอย่างบ้าระห่ำปานนี้

ถึงกาลสูญพันธุ์ของ คนข่าวคุณภาพแล้วหรือ

คนเดียวกันนี้ถามว่า ทำไมเราไม่เห็นภาพนักข่าวยื้อแย่งกันทำข่าวที่มีความสำคัญต่ออนาคตบ้านเมือง ไม่เห็นความกระตือรือร้นของสื่อในการเจาะข่าวลักษณะสืบสวนสอบสวน ปราบคอร์รัปชั่น และหยุดยั้งความชั่วร้ายของสังคมบ้าง

ตัวอย่างเช่นข่าว “สาวโชว์ครีมก้นขาว” กลายเป็นเรื่องที่สื่อทั้งหนังสือพิมพ์  ทีวีและวิทยุ โดยเฉพาะออนไลน์ทุ่มเทเกาะติดกันทุกแง่ทุกมุมอย่างบ้าคลั่งทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีสาระอันใดที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่เป็นบวกสำหรับสังคม

หรือข่าวดาราคนไหนมีปัญหา “เตียงหัก” กับใครก็ยังเป็นข่าวที่หลายสำนักข่าวเกาะติดอย่างไม่ลดละ ไม่สนใจว่ามาตรฐานแห่งการทำหน้าที่ของสื่อกำลังจะถูกตั้งคำถามว่าการใช้วิจารณญานเช่นนั้น กำลังจะตอบสนองความต้องการของใคร

หรือเป็นเพียงมาตรฐานของการทำงานของสื่อวันนี้ที่เพียงต้องการจะสร้าง ratings และแย่งคนอ่านคนดูคนฟังเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจเท่านั้นหรือ

ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นก็คือว่าหากแนวโน้มยังเดินหน้าต่อไปเช่นนี้ อีกไม่ช้าไม่นานคนข่าวคุณภาพที่มีหลักการทำงานเพื่อสังคม

เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี

เพื่อเป็นกระบอกเสียงของคนด้อยโอกาส

เพื่อเป็นเสาหลักต่อต้านการคดโกง ฉ้อฉล และประพฤติมิชอบของผู้มีอำนาจ

ก็จะ “สูญพันธุ์” ไปต่อหน้าต่อตา

คนทำข่าวรุ่นปัจจุบันที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานแห่งวิชาชีพสื่อ ที่รับผิดชอบและรับใช้สังคมกำลังเผชิญกับ “วิกฤตทางด้านจิตวิญญาณ” ไม่น้อยไปกว่า “วิกฤตทางธุรกิจ” อันเกิดจากเทคโนโลยี

พวกเขากำลังตั้งคำถามว่าหากหน้าที่ของคนทำข่าววันนี้คือการสร้าง ratings หรือเพิ่มจำนวน Likes ในโซเชียลมีเดียด้วยการแข่งกันเสนอเรื่อง “น้ำเน่า” หรือที่มี “ดราม่า” นั่นย่อมหมายถึงการไปเก็บคลิป และเนื้อหาข่าวจากโซเชียลมีเดียที่ร้อนแรงและสร้างความฮือฮา

พวกเขาต้องเขียนพาดหัวให้หวือหวาเพื่อดึงให้คนมาดูคลิบนั้น ๆ ให้มากที่สุด เพื่ออ้างกับเจ้าของสื่อว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองสอดคล้องกับค่าจ้าง โดยไม่สนใจว่าถ้อยความที่เรียกความสนใจจากผู้เสพข่าวนั้น จะตรงกับความเป็นจริงหรือสอดคล้องกับรายละเอียดของข่าวหรือไม่

พวกเขาต้องผละจากหลักการทำข่าวที่มีสาระเพราะมัน “หนัก” เกินไป หรือเพราะไม่อาจจะทำให้เกิดกระแสกด likes หรือมี followers เพียงพอที่จะทำให้ผู้ลงโฆษณา เจียดงบประมาณมาให้ได้

เมื่อเจ้าของสื่อไม่เคยคิดจะหาทางสร้างอำนาจต่อรองกับผู้คุมงบโฆษณาด้วยการลงทุนสร้างคนข่าวและเนื้อหาที่มีคุณภาพ ผลที่ตามมาก็จะกลายเป็นการเดินตามนโยบาย “แข่งกันตามล่าข่าวดราม่าเพื่อพิสูจน์ว่าใครสามารถทำข่าวเน่ากว่าใคร”

มาตรฐานคนข่าวทางทีวีและออนไลน์ที่ต้องเผชิญกับภาวะสั่นคลอนเพราะการยื้อแย่งบุคลากรกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านจากจำนวนเดิมเพราะไม่ได้มีการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพก็ยิ่งจะตกต่ำ

คำทำนายของผมคือ

อีกไม่ช้าไม่นาน คนข่าวมีคุณภาพ มีอุดมการณ์ มีความตั้งใจจะทำข่าวเพื่อรับใช้สังคมจะหมดสภาพ ไร้ความหวัง และถึงกาล “สูญพันธุ์” อย่างแน่นอน

หนทางป้องกันหายนะแห่งวงการคนข่าวคุณภาพจะต้องมาจากการระดมความคิดอ่าน และการผลักดันของคนในสังคมทั้งมวล มิอาจพึ่งพาเจ้าของทุน ผู้บริหาร หรือคนข่าวที่กระจัดกระจายเพียงเพื่อความอยู่รอดวัน ๆ เท่านั้น

ผมหวังจะได้เห็นความตื่นตัวของสังคมเพื่ออันตรายอันใหญ่หลวงครั้งนี้อย่างเร่งร้อนและจริงจัง