งานวิจัยชาวบ้านดำเนินสะดวกฯ นำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย

งานวิจัยชาวบ้านดำเนินสะดวกฯ  นำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย

“น้ำ” ไม่ใช่สิ่งสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราเท่านั้นแต่ยังเป็นปัจจัยหลักต่อผลผลิตทางการเกษตรอีกด้วย และเมื่อนึกถึงผลผลิตทางการเกษตร

ชุมชน“คลองดำเนินสะดวก” ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิตผลไม้หลากหลายที่สำคัญโดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอม มะม่วง กล้วย ชมพู ฝรั่งกิมจู แก้วมังกร องุ่น มะนาว รวมถึงกล้วยไม้หลายหลากพันธุ์อีกทั้งยังมีตลาดน้ำดำเนินสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ เป็นที่รู้จักทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

ที่นี่จึงเปรียบเสมือนเมืองเกษตร ที่เป็นแหล่งผลิตอาหารได้มากกว่า 176,953 ตันต่อปี แต่กลับพบว่ามีการใช้สารเคมีในการทำเกษตรอย่างเข้มข้นเกินขนาดเพื่อให้พืชออกผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ส่งผลให้เกิดสารพิษสะสมทั้งในแหล่งน้ำและดิน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสีย และยังเกิดสารตกค้างในร่างกาย ประกอบกับการเจริญของเมืองทำให้ผู้คนหันมาใช้ถนนแทนการสัญจรทางน้ำ ทำให้คลองขาดการเหลียวแล เกิดปัญหาขยะ และวัชพืชขึ้นมากมาย

งานวิจัยชาวบ้านดำเนินสะดวกฯ  นำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จึงสนับสนุนการศึกษา ‘โครงการวิจัยการจัดการสวนเกษตรเพื่อความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการน้ำเสียคลองดำเนินสะดวก ในพื้นที่โซนที่ 1’ งานวิจัยที่ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.หัวโพ, ต.โพหัก, ต.ดอนคลัง, ต.บัวงาม, ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยมอบหมายให้ผมสวมบทบาทเป็นนักวิจัยจากความเป็นคนในพื้นที่ เพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าว กระทั่งค้นพบข้อมูล วงจรการทำเกษตรในรอบ 1 ปีว่า ในแต่ละการผลิตพืชแต่ละชนิดมีการใช้ทรัพยากรอะไรบ้างและใช้ในปริมาณเท่าไร

ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรของคลองดำเนินสะดวกส่วนใหญ่มาจากการใช้สารเคมีมากเกินขนาด เช่น มะม่วง มีต้นทุนการใช้เคมีในการผลิตถึง 57% ขณะที่ต้นทุนการใช้เคมีในการผลิตมะนาวสูงถึง 77% ส่งผลให้เกิดสารพิษตกค้างในแหล่งน้ำ เนื่องจาก ที่ผ่านมาเกษตรกรไม่ตระหนักถึงปัญหาเรื่องน้ำเสียที่เกิดจากสวนของตนเอง

“การศึกษาในครั้งนี้ ต้องการปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้กับชุมชน เห็นถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีและให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำไม่ให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสีย ซึ่งจะส่งผลต่อน้ำใช้ในภาคการเกษตร

งานวิจัยชาวบ้านดำเนินสะดวกฯ  นำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย

นอกจากนี้ เกษตรกรยังประสบปัญหาเรื่องของภาวะน้ำแห้งคลอง ทำให้เกิดปัญหาไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงแปลงเกษตรส่งผลให้พืชมีผลผลิตน้อยและหลายต้นยืนต้นตาย รวมทั้งยังประสบภาวะน้ำทะเลหนุน ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ทั้งสิ้น จึงเกิดแนวคิดการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดการใช้สารเคมีในชุมชนลง”

ผลงานวิจัยได้เสนอแนวคิดในการทำเกษตรอินทรีย์ ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาน้ำเสียและลดสารพิษสะสมในคลองดำเนินสะดวก รวมถึงช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมเล็กๆ ให้กับแหล่งน้ำของชุมชนได้

แต่ต้องยอมรับว่าการให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมีและหันมาทำเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด อาจเป็นไปได้ยาก เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ของการทำการเกษตรของชุมชนคลองดำเนินสะดวก แต่อย่างน้อยก็เพื่อให้ชาวชุมชนรู้จัก เข้าใจเรื่องเกษตรอินทรีย์และนำแนวคิดนี้ไปต่อยอดหรือไปปลูกพืชผักสวนครัวเล็กๆ เอาไว้ทานกันเองในครัวเรือน

ด้วยการปฏิบัติตามแนวคิดดังกล่าง จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้จัดทำศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงวัดบัวงามอารามหลวง โดยใช้พื้นที่ของวัดบัวงามอารามหลวง จำนวน 60 ไร่ มาพัฒนาเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ต้นแบบแห่งแรกของชุมชนคลองดำเนินสะดวก เพื่อให้เป็นพื้นที่เรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ของชุมชน จากเดิมที่ชาวบ้านไม่เคยรู้จักการทำเกษตรอินทรีย์มาก่อน สามารถเข้ามาเรียนรู้วิธีการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ โดยมีการแบ่งพื้นที่ให้ชาวบ้านที่สนใจเข้ามาทดลองปลูกพืชแบบไม่ใช้สารเคมีภายในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ฯ และนำวิธีไปทำเองได้ที่บ้านต่อไป

“การจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ชาวบ้านคุ้นเคย หรือเลิกใช้เคมีทันทีนั้นเป็นไปได้ยาก ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เราต้องให้ความรู้สร้างความเข้าใจให้กับชุมชนก่อน โดยเริ่มจากการลงมือทำให้เห็นสนับสนุนให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมและทดลองทำ" 

ในช่วงแรกๆ ก็ถูกต่อต้าน แต่หลังจากทำมา 1 ปี ปัจจุบันเริ่มมีคนในชุมชนรู้จักการทำเกษตรอินทรีย์บ้างแล้ว มีหน่วยงานในพื้นที่ให้ความสนใจเข้ามาเยี่ยมชม มีโรงเรียนในพื้นที่และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จ.ราชบุรี นำนักเรียนและเยาวชนเข้ามาเรียนรู้วิธีการทำนา เข้ามาร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ และการทำสวนอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดกิจกรรมนาโยน การลงแขกเกี่ยวข้าว

ซึ่งการนำเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ และยังช่วยเชื่อมโยงผู้ปกครองที่เป็นเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง จะเห็นว่าสิ่งที่ดำเนินการมาจนวันนี้ ก็เพื่อต้องการสื่อให้ชุมชนได้เข้าใจว่าเพียงแค่การได้บริโภคข้าวอินทรีย์นอกจากเพื่อสุขภาพที่ดีแล้ว ส่วนหนึ่ง ยังช่วยรักษาคุณภาพของคลองดำเนินสะดวกได้อีกด้วย”

สำหรับศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงวัดบัวงามอารามหลวง ต้นแบบสวนเกษตรอินทรีย์ของชุมชนคลองดำเนินสะดวกแห่งนี้ มีรูปแบบการจัดทำแปลงเกษตรตามหลักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากทดลองปลูกพืชไร่นาสวนผสม อาทิ มะพร้าว กล้วย พืชผักสวนครัว การทำนา ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ และเลี้ยงปลาแล้ว ยังมีการขุดบ่อเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้งจำนวน 3 บ่อ เป็นบ่อพัก 2 บ่อ บ่อที่ 3 เป็นน้ำที่ผ่านการบำบัดที่สามารถนำไปใช้ในแปลงเกษตรอินทรีย์ถือเป็นแห่งแรกของชุมชนที่มีรูปแบบการทำระบบการจัดการน้ำที่แตกต่างจากพื้นที่สวนของเกษตรกรที่นิยมยกร่องสวน แต่มักประสบปัญหาภาวะน้ำแห้งคลองและน้ำทะเลหนุนอยู่บ่อยครั้ง

งานวิจัยชาวบ้านดำเนินสะดวกฯ  นำเกษตรอินทรีย์แก้ปัญหาน้ำเสีย

โดยแนวคิดการขุดบ่อน้ำดังกล่าว เพื่อเป็นต้นแบบให้กับชาวสวนและคนทั่วไปที่ต้องการทำการเกษตรได้เห็นว่าในแปลงเกษตรจะต้องมีการเก็บน้ำไว้ในพื้นที่ส่วนหนึ่งไม่ใช่รอแต่เพียงน้ำสาธารณะ นอกจากนี้ทางศูนย์เรียนรู้ฯ ยังเตรียมพัฒนาพื้นที่ปลูกป่าชุมชนเพิ่มอีก 4-5 ไร่

ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานหรือร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานการทำเกษตรอินทรีย์ ได้ที่ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงวัดบัวงามอารามหลวง ตั้งอยู่ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

โดย...

นายพิพัฒน์ รุ่งกานต์วิวัฒน์ นักวิจัยชาวบ้าน

(ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านต้นไทร ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี)