ฟองสบู่บิทคอยน์
เหรียญมี 2 ด้าน บิทคอยน์ก็มี 2 สถานะ สถานะแรกคือ ระบบชำระเงินดิจิทัล บิทคอยน์ถือกำเนิดมาเพื่อสิ่งนี้ ตั้งแต่เริ่มมีอินเทอร์เน็ต
ชาวไซเบอร์คาดหวังถึงเงินดิจิทัลที่สะดวก เป็นส่วนตัว และไม่ถูกควบคุมจากรัฐบาลและธนาคารกลาง กลุ่มโปรแกรมเมอร์อิสระที่เชี่ยวชาญการเข้ารหัส (Cypherpunk) รวมตัวกันเพื่อคิดค้นเงินนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 90
แต่ไม่มีใครทำสำเร็จ ปัญหาใหญ่คือ double-spending ไม่ใช่ไม่มีทางแก้
ทางแก้แบบเดิมคือสร้างศูนย์ชำระบัญชี เพื่อเก็บข้อมูลของทุกธุรกรรมแบบ real time นั่นหมายความว่า ต้องมีคนกลางที่น่าเชื่อถือมาดำเนินการ เราเรียก ระบบรวมศูนย์(centralized) ซึ่งต้องใช้เงินมหาศาลในการสร้าง คนกลางย่อมหนีไม่พ้นรัฐบาลและธนาคารกลาง ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ดั้งเดิม เงินดิจิทัลจึงไม่อาจแจ้งเกิดได้เสียที
ซาโตชิ นาคาโมโตะ แก้ปัญหานี้ได้สำเร็จด้วยวิธีใหม่แบบกระจายศูนย์ (decentralized) โดยใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากในเครือข่ายเฉพาะของตนบันทึกบัญชีผ่าน block chainซอฟต์แวร์พิเศษจะแบ่งกำลังของ CPU ทุกเครื่องไปบันทึกและกระจายบล็อกเชนนี้จนทั่ว (ขุด) ซาโตชิเรียกระบบนี้ว่า “บิทคอยน์” ซึ่งทำงานได้ดีตามวัตถุประสงค์
บล็อกเชนกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญของกลุ่มฟินเทคในยุคต่อมาAdd Blog
สถานะที่ 2 คือ หน่วยของเงิน บิทคอยน์ (BTC) ถูกสร้างครั้งแรก 3 ม.ค. 2552 ทำธุรกรรมครั้งแรก 12 ม.ค.ปีเดียวกัน ถูกกำหนดค่าเทียบดอลลาร์ครั้งแรก 5 ต.ค.2552 ที่ 1,309.03 BTC ต่อ 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08 เซนต์ต่อ 1 บิทคอยน์ ซึ่งคำนวณจากค่าไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ขุด
6 ก.พ.2553 ก่อตั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบิทคอยน์
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้น เมื่อลาสโลว์ ฮานเยค โพสต์ให้เงิน 10,000 BTC เพื่อแลกกับพิซซ่า 2 ถาด เขาโพสต์ 18 พ.ค.2553 การซื้อขายสำเร็จ 22 พ.ค. เมื่อเจเรมี สเตอร์ดิแวนท์ตกลงจะส่งพิซซ่าปาปาจอห์นให้เขา นี่คือครั้งแรกที่เงินบิทคอยน์ใช้ซื้อของได้จริง พิซซ่าขณะนั้นราคา 41 ดอลลาร์ เทียบอัตราแลกเปลี่ยนได้ 0.41 เซนต์ต่อ 1 บิทคอยน์ เพียง 3 เดือนครึ่ง เงินบิทคอยน์มีค่ามากขึ้น 500 %
วันที่ 11 ก.ค.2553 เว็บข่าวไอที Slashdot กล่าวถึงบิทคอยน์ ทำให้ผู้คนสนใจมากมาย เพียง 5 วันต่อมา มูลค่าเพิ่มขึ้น 1,000 % จาก 0.8 เซนต์เป็น 8 เซนต์ มีการตั้งตลาดซื้อขายบิทคอยน์ ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเท่ากับ 1 ดอลลาร์เมื่อ 9 ก.พ.2554 เท่ากับ 10 ดอลลาร์เมื่อ 2 มิ.ย.
ราคาขึ้นไปสูงสุด 31.91 ดอลลาร์เมื่อ 8 มิ.ย. แล้วถูกถล่มขายอย่างหนักจนเหลือแค่ 10 ดอลลาร์ในเวลา 4 วัน นี่คือฟองสบู่แตกครั้งแรก ราคาค่อย ๆ ฟื้นตัวและทะลุจุดสูงสุดเดิม 28 ก.พ. 2556
จุดเปลี่ยนใหญ่เกิดขึ้นปี 2556 วันที่ 18 มี.ค. เครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของอเมริกา (FinCEN) ออกกฎให้ผู้ซื้อขายเงินดิจิทัล ต้องขึ้นทะเบียนกับรัฐ ราคาจึงดีดตัวอย่างรวดเร็วจนสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 266 ดอลลาร์เมื่อ 10 เม.ย. แล้วตกลงอย่างหนัก
วันที่ 6 ส.ค. ศาลรัฐเท็กซัสตัดสินว่า บิทคอยน์เป็นเงินสกุลหนึ่ง วันที่ 14 ต.ค.เว็บไป่ตู้ของจีนประกาศรับเงินบิทคอยน์ ราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง วันที่ 29 พ.ย. ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,242 ดอลลาร์ วันที่ 5 ธ.ค. ธนาคารกลางจีนสั่งห้ามทำธุรกรรมด้วยเงินบิทคอยน์ ไป่ตู้ยกเลิกด้วย ราคาร่วงหนักกว่า 20 % ในวันเดียว นับเป็นปีที่ผันผวนที่สุด
ปี 2557-2559 ราคาบิทคอยน์นิ่งที่หลักร้อย ต้นก.พ.2560 ทะลุ 1,000 ดอลลาร์ และปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลางพ.ค.ทะลุ 2,000 ดอลลาร์ กลางส.ค.พุ่งไปถึง 4,000 ดอลลาร์ ปลายต.ค.ทะลุ 6,000 ดอลลาร์ วันที่ 29 พ.ย. ทะลุ 10,000 ดอลลาร์ และทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 19,501 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นกว่า 1,600 % ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนเชื่อว่า เป็นฟองสบู่ไปแล้ว
อันที่จริง บิทคอยน์เป็นฟองสบู่ 3 ครั้ง คือปี 2553 - 11, 2013 ดอลลาร์ และ 2560 ฟองสบู่ 2 ครั้งแรกแตกไปเรียบร้อย เหลือของปี 2561 ที่ไม่รู้เมื่อไร
แน่นอนที่สุด ฟองสบู่เกิดจากความโลภอย่างบ้าคลั่งของผู้คน แต่ทุกครั้งที่แตก มักมีปัจจัยภายนอก 2 ประการเข้ามากระทำ
1) การแฮ็กระบบและขโมยบิทคอยน์ ซึ่งราคาจะฟื้นตัวเร็ว เพราะมีการปรับปรุงแก้ไขซอฟท์แวร์ และ 2) กฎเกณฑ์จากภาครัฐ ซึ่งทำให้ราคาตกและซึมยาว
ในฐานะหน่วยของเงิน ฟองสบู่บิทคอยน์คือปัญหาใหญ่ที่รอวันระเบิด แต่ในฐานะระบบชำระเงิน บิทคอยน์ยังมีอนาคตสดใส แม้จะมีช่องโหว่ แต่ทุกคนก็ช่วยกันแก้ไข ประเด็นใหญ่สุดของเงินดิจิทัลจึงเป็นท่าทีของภาครัฐต่างหาก
อนาคตจะเป็นอย่างไร
บิทคอยน์ในมุมของระบบชำระเงิน ขึ้นกับวัฏจักรเสาร์มฤตยู เสาร์สิงห์เล็งมฤตยูกุมภ์หมายถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่เพื่อทำลายโครงสร้างเดิมที่รวมศูนย์อำนาจ ในปัจจุบัน เสาร์ธนูทำมุม 120 สนิทกับมฤตยูเมษ ตรีโกณกันในราศีธาตุไฟ ชี้ถึงการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง บิทคอยน์จะได้รับความนิยมต่อไป ซอฟต์แวร์จะถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อราคาด้วย ดังเช่นปลายม.ค.2560 ที่เสาร์ยกเข้าธนู ราคาปรับตัวขึ้นรอบใหม่
บิทคอยน์ในมุมหน่วยของเงิน เป็นผลจากอิทธิพลวัฏจักรพฤหัสเนปจูนรอบใหม่ที่ก่อตัวในราศีมังกรเมื่อธ.ค.2551 (วัฏจักรเริ่มต้นจริง 28 พ.ค.2552) พฤหัสยกเข้าเมษ 8 พ.ค. 2554 เข้ามุม 60 กับเนปจูนกุมภ์สนิทวันที่ 8 มิ.ย.ราคาพีคตรงนั้น
กลางพ.ย. 2556 ราคากระโดดจากหลักร้อยเป็นหลักพัน เพราะ Grand Trine ในธาตุลม (Trading) ของพฤหัสเมถุนที่ตรีโกณเนปจูนกุมภ์และ 120 กับเสาร์ตุลย์สนิท
ครึ่งแรกปี 2017 ราคาทะลุ 4,000 ดอลลาร์ เพราะเสาร์มฤตยู กลางก.ย. พฤหัสยกเข้าตุลย์-ตรีโกณเนปจูน ราคาปรับตัวขึ้นไปอีก หลัง 26 ต.ค. ตุลาคม เสาร์ยกเข้าธนู พ้นมุม 90 กับเนปจูน-ไม่มีตัวฉุดรั้ง บิทคอยน์พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วไปเกือบ 20,000 ดอลลาร์
พฤหัสเนปจูนหมายถึงความโลภ ฟองสบู่บิทคอยน์สะท้อนความโลภของคน แต่จังหวะดาวลึกซึ้งซับซ้อน อย่าเสี่ยงดีกว่าถ้าคุณไม่รู้จริง