ภาพน่ากลัวเมื่อคิมจองอึน รู้สึกถูกต้อนเข้ามุม!

ภาพน่ากลัวเมื่อคิมจองอึน รู้สึกถูกต้อนเข้ามุม!

เมื่อวานผมเขียนถึงคำประกาศของเกาหลีเหนือว่า การที่คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ มีมติเอกฉันท์ให้ลงโทษเปียงยาง เพิ่มขึ้นอย่างเข้มข้นนั้น

เป็น การก่อสงคราม และปิดล้อมทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์

ภาพน่ากลัวเมื่อคิมจองอึน รู้สึกถูกต้อนเข้ามุม!

วันนี้ผมหวั่นว่าคิม จองอึน กำลังจะรู้สึกว่า ถูกกดดันถึงขั้นที่หลังต้องพิงกำแพง และอาจต้องทำอะไรบางอย่างที่โลกคาดไม่ถึง

ความเคลื่อนไหวล่าสุดต่อเกาหลีเหนือหลังจากคิมสั่งทดลองขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อ 29 พ.ย. เสี่ยงต่อการจุดเพลิงแห่งสงครามได้ด้วยเหตุผลหลายประการ

  1. จีนกับรัสเซียถูกอเมริกาหว่านล้อมให้ยกมือให้กับมาตรการใหม่ทำให้คิมเห็นว่าตนไม่มีที่พึ่งพิงอีกต่อไป เพราะเดิมทีเกาหลีเหนือยังเชื่อว่าปักกิ่ง กับมอสโกจะยังมีความเป็นมิตรในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับกระโดดไปอยู่ข้างเดียวกับสหรัฐโดยเฉพาะในกรณีที่จะตัดแขนตัดขาของเกาหลีเหนือ
  2. เกาหลีเหนืออาจปิดประตูที่จะพูดคุยกับตัวแทนของสหประชาชาติต่อหลังจากที่นาย Jeffrey Feltman รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายการเมืองนำคณะไปนั่งเจรจาที่เปียงยาง 4 วัน แต่พอกลับมาก็เดินหน้าประกาศมาตรการลงโทษเปียงยาง ทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจของคิมต่อองค์กรโลกแห่งนี้สลายหายไปทันที
  3. แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร เปียงยางจะเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่ออย่างแน่นอนเพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ จากการรุกรานของสหรัฐได้ ดังนั้นมาตรการแซงชั่นของสหประชาชาติรอบใหม่ ไม่ว่าจะรุนแรงเข้มข้นเพียงใดก็จะไม่มีผลต่อนโยบายเรื่องนี้
  4. มาตรการลงโทษครั้งใหม่ของสหประชาชาติจะต้องมีผลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนืออย่างปฏิเสธไม่ได้นอกจากจะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจเกาหลีเหนือแล้ว ที่สำคัญคือจะมีผลต่อปากท้องและความเป็นอยู่ของชาวบ้านเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน

เมื่อคิม จองอึน ถูกต้อนเข้ามุมเช่นนี้ เขาต้องดิ้น และหากประชาชนคนเกาหลีเหนือ ต้องเจอกับความแร้นแค้นเพราะมาตรการลงโทษล่าสุด สิ่งที่คิม จองอึนจะต้องทำก็คือ การปลุกระดมประชาชนให้เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของเขาต่อไป มิฉะนั้นประชาชนอาจจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านผู้นำของเขาไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามของสถานภาพของคิมอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีความน่ากลัวว่าคิมจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อแสดงถึงความเป็นผู้นำของเขา นั่นอาจจะมาในรูปของการยิงขีปนาวุธรอบใหม่ เพื่อส่งสัญญาณให้คนเกาหลีเหนือ และชาวโลกว่า

ฉันไม่กลัวคุณ

หากเป็นเช่นนี้ สหรัฐก็คงจะอยู่เฉยไม่ได้ อาจจะต้องใช้วิธีการสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในทุกรูปแบบ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน

หากสหรัฐกลัวว่า เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธรอบใหม่ และครั้งนี้อาจจะมีดินแดนของสหรัฐเป็นเป้า โดนัลด์ ทรัมป์ ก็อาจจะสั่งให้มีการถล่มเกาหลีเหนือก่อน

นั่นย่อมหมายถึง pre-emptive strike หรือ surgical strike จากฝ่ายอเมริกาที่มีกองเรือและฐานทัพในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นพร้อมจะลงมือปฏิบัติการหากทรัมป์กดปุ่มสั่งการ

เกาหลีเหนือกลัวการถูกโจมตีก่อนอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้วิธีการถล่มอเมริกาก่อน จนกลายเป็นศึกสงครามอันไม่พึงปรารถนา

และหากเกิดภาพเช่นนั้นจริง จีนก็อยู่เฉยไม่ได้ รัสเซียก็จะต้องเล่นบทบาทของตนเองในฐานะเป็นตัวละครสำคัญในเวทีแห่งนี้

ผมหวังว่าภาพคาดการณ์ของนี้จะไม่เกิดขึ้นจริง แต่หากยังไม่มีลู่ทางของการเจรจาไม่ว่าในรูปแบบใดๆ เกิดขึ้นในช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า อะไร ๆ ที่เราคิดว่าไม่ควรเกิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้

สวัสดีปีใหม่ครับ!