เมื่อโสมแดงคำราม: มะกันก่อสงคราม!

เมื่อโสมแดงคำราม: มะกันก่อสงคราม!

ผมหวังว่าช่วงสิ้นปีแห่งการเฉลิมฉลองของคนทั่วโลกจะไม่มีอะไรตูมตามมาจากคิม จองอึนนะครับ

เพราะแถลงการณ์ล่าสุดจากเปียงยางเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาดุดันเข้มข้นเป็นพิเศษ

กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือประกาศว่ามาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหประชาชาติที่ 15 ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงลงมติเป็นเอกฉันท์ (รวมถึงจีนและรัสเซียด้วย) นั้นถือว่าเป็น

การก่อสงคราม” (Act of war) ต่อเกาหลีเหนือ

เมื่อโสมแดงคำราม: มะกันก่อสงคราม!

ทูตมะกันประจำสหประชาชาติ Nikki Haley กับทูตจีนประจำยูเอ็น Liu Jieyi ก่อนการลงมติลงโทษเกาหลีเหนือล่าสุด

อีกทั้งสำทับว่าสหรัฐอย่าได้ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่าการกดดันครั้งล่าสุดนี้ จะทำให้เกาหลีเหนือต้องยกเลิกการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพราะการมีอาวุธทำลายล้างสูงพอที่จะยิงถึงสหรัฐนั้น เป็นหนทางเดียวที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศได้

แถลงการณ์เกาหลีเหนือบอกด้วยว่า มาตรการแซงชั่นใหม่ของสหประชาชาติครั้งนี้เท่ากับเป็นการ ปิดล้อมทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์แบบ (total economic blockade)

เปียงยางใช้คำนี้เพื่อตอกย้ำว่า เขากำลังถูกกลั่นแกล้งและคุกคามจนไม่มีทางอื่นใดนอกจากจะต้องสู้ต่อไปอย่างทรหด

มาตรการแซงชั่นใหม่ชุดนี้เข้มข้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะ

1.ห้ามส่งน้ำมันเสร็จรูปเข้าเกาหลีเหนือตั้งเพดานไว้เพียงปีละ 500,000 บาเรล และน้ำมันดิบที่ไม่เกิน 4 ล้านบาเรลต่อปีหรือเท่ากับตัดน้ำมันทุกรูปแบบเข้าประเทศถึง 90%

2.คนสัญชาติเกาหลีเหนือทั้งหมดที่ทำงานต่างประเทศจะต้องกลับบ้านภายใน 24 เดือน (เป็นการตัดทอนรายได้สำหรับประเทศนี้อีกแหล่งหนึ่ง)

3.ห้ามเกาหลีเหนือส่งออกสินค้าที่เป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย

 

ทั้งหมดนี้จะมีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีใหม่นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะมีผลกระทบค่อนข้างแรง โดยเฉพาะเมื่อขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนเกาหลีเหนืออย่างปฏิเสธไม่ได้

มาถึงจุดนี้ ความหวังที่จะให้มีการเจรจาทางการทูตระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องใช้กำลังห้ำหั่นกันก็หดหายไปทันที

เพราะเกาหลีเหนือถือว่าการที่สหประชาชาติส่งเบอร์ 2 คือ Jeffrey Feltman ไปตั้งวงแลกเปลี่ยนกันที่เปียงยาง 4 วันนับเวลาคุยกันถึง 15 ชั่วโมงนั้น เป็นเพียงเกมซื้อเวลาเท่านั้น เพราะพอคณะสหประชาชาติกลับมาได้ไม่กี่วัน ก็มีมาตรการลงโทษโสมแดงอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ออกมา

สหรัฐสามารถน้าวโน้มให้จีน และรัสเซียยอมเห็นพ้องกับการคว่ำบาตรล่าสุดครั้งนี้เพราะเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธล่าสุดเมื่อ 29 พ.ย.ที่หลายฝ่ายยืนยันว่า สะท้อนถึงศักยภาพของเกาหลีเหนือที่สามารถยิงจรวดได้ไกลถึงอเมริกา

เมื่อจีนกับรัสเซียยังจับมือกับอเมริกาเล่นงานเกาหลีเหนือ จะทำให้คิมจ องอึน คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากว่าเขาถูกผลักจนหลังชิดกำแพงแล้ว

อุณหภูมิความตึงเครียดที่คาบสมุทรเกาหลีช่วงปลายปีนี้จึงพุ่งพรวดพราดขึ้นไปอย่างน่าเป็นห่วงยิ่ง