ฟินเทคต่างชาติจ้องขยายตลาดไทย

ฟินเทคต่างชาติจ้องขยายตลาดไทย

ด้วยจำนวนประชากรกว่า 60 ล้านคนจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เนตที่ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศและมีสถานะการเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอินโดจีน(CLMV)

จึงไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจต่างชาติที่จะให้ความสนใจที่จะเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทยแม้กระทั่งธุรกิจฟินเทคที่หลายประเทศสนใจที่จะเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเรา

ชาติที่สนใจตลาดไทยเป็นพิเศษนั่นคือสิงคโปร์ด้วยความที่พยายามจะตั้งตัวเป็นศูนย์กลางทางด้านฟินเทคของโลก(ไม่ใช่แค่ในภูมิภาค)ด้วยการให้สิทธิประโยชน์มากมายกับผู้ประกอบการฟินเทคทั่วโลกให้เข้ามาตั้งฐานและลงทุนในสิงคโปร์ แต่ด้วยการเป็นแค่เกาะเล็กๆจำนวนประชากรเพียงเล็กน้อยโอกาสที่จะขยายตลาดในสิงคโปร์จึงมีจำกัดอย่างมาก

ประเทศไทย(รวมถึงมาเลเซีย)จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ฟินเทคสัญชาติสิงคโปร์(แต่เต็มไปด้วยบุคลากรจากทั่วโลก) ต้องการเข้ามาเปิดตลาดและเริ่มมีผู้ประกอบการบางรายติดต่อเข้ามาที่สมาคมฟินเทคของไทยว่ามีความต้องการจะติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อเข้ามาดำเนินกิจการ 

นอกจากสิงคโปร์ยังมีฟินเทคจากไต้หวันที่ต้องการเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเช่นกันก่อนหน้านี้ยังมีฟินเทคจากอินโดนีเซียที่ทำธุรกิจ P2P Lendingก็สนใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย

อัพเดทจากงาน Singapore Fintech Week เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสมาคมฟินเทคจากประเทศในเอเชียรวมถึงจากประเทศไทยไ้ด้ไปรวมตัวกันเพื่อที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตแม้จะยังไม่มีแผนที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณว่าพรมแดนทางธุรกิจอาจจะไม่มีอีกต่อไปสำหรับธุรกิจฟินเทคอีกแล้ว

ในอดีตการที่สถาบันการเงินหรือธนาคารจะเข้ามาเปิดกิจการนอกประเทศตัวเองเป็นเรื่องที่ยากลำบากด้วยกฎเกณฑ์การเปิดรับที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต่างแต่ด้วยวิถีของธุรกิจสตาร์ทอัพและฟินเทคที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีและใช้ซอฟท์แวร์เป็นหลักรวมถึงการปรับตัวที่รวดเร็วการจะเข้ามาเปิดกิจการข้ามชาติจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไปและยังสามารถทำได้อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก

ผู้เกี่ยวข้องในวงการฟินเทคของไทยจึงมีความกังวลว่าหากปล่อยให้ฟินเทคจากต่างชาติที่มีขนาดใหญ่สามารถใช้งบลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างลูกค้าในเวลารวดเร็วผู้ที่เสียประโยชน์อาจเป็นผู้ประกอบการชาวไทยที่ส่วนใหญ่ยังไม่แข็งแรงมากนักขณะที่หาฟินเทคสัญชาติไทยที่มีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศแล้วหรือมีศักยภาพเพียงพอได้ยากมากอนาคตฟินเทคที่มีอิทธิพลต่อชีวิตคนไทยอาจไม่ใช่ธุรกิจสัญชาติไทยแล้วก็ได้

ยกตัวอย่าง Grab, Uber, Line, Lazada ต่างเป็นสตาร์ทอัพที่มาจากต่างประเทศและสามารถสร้างฐานผู้ใช้ในไทยได้จำนวนมากยังไม่นับรายใหญ่จากจีนอย่าง Alibaba, JD.com ที่กำลังขยายฐานในไทย อีกที่น่ากังวลคือภาครัฐดูจะภาคภูมิใจกับการเชิญชวนผู้เล่นรายใหญ่ต่างชาติเข้ามาขยายธุรกิจในไทยโดยที่ผู้เล่นไทยดูจะไม่ได้รับประโยชน์จากการเข้ามานี้สักเท่าไร

อย่างน้อยวงการฟินเทคไทยไม่ถึงกับปิดกั้นผู้เล่นต่างชาติแต่การเปิดประตูบ้านให้ต้องแลกมากับการสร้างความร่วมมือระหว่างกันเพื่อนำพาฟินเทคไทยไปขยายธุรกิจในต่างประเทศได้เช่นกันแต่กระนั้นผู้ประกอบการไทยควรจะเร่งพัฒนาธุรกิจตัวเองให้มีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือผู้เล่นต่างชาติและกล้าที่จะขยายธุรกิจออกนอกประเทศด้วยเช่นกัน