แนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงโลกปี 2561

แนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงโลกปี 2561

อีกครึ่งเดือน ปีเก่าก็จะค้อมคำนับให้กับปีใหม่ กลางเดือนสุดท้ายของปีอย่างนี้บางที่ก็เริ่มฉลองคริสต์มาส หรือตั้งตาคอยเคาน์ดาวน์ปีใหม่กันแล้ว

โลกในปี 2561 ยังคงเป็นปีที่ไม่มั่นคงเช่นเดิม เพราะกระแสเอียงขวาที่ปรากฏในยุโรปจริงจังขึ้นทุกวัน ผู้นำอย่างโดนัลด์ ทรัมป์และคิม จองอึนยังอยู่ครบ จีนและรัสเซียก็แข็งแกร่งขึ้นทุกที แต่ความน่าเกรงขามเหล่านี้เองที่ป้องกันสงครามร้อนไว้ด้วยสงครามเย็น

ปี 2561 น่าจะผ่านไปด้วยการที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื้อรังได้สักอย่าง ขณะที่ปัญหาใหม่ๆ เช่น สงครามไซเบอร์และอวกาศก็มีกำลังใกล้เข้ามา

อเมริกายังคงเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกที่ไม่มีใครทาบได้ในแง่ของยุทโธปกรณ์ ลูกเล่นด้านเทคโนโลยีอาวุธหลายอย่างที่ทะยอยปล่อยออกมาให้โลกรู้ ทำให้ยากที่ในอีก 20 ปีจีนหรือรัสเซียจะตามทัน 

แต่ในโลกของความเป็นจริงที่ใช้สิ่งอื่นๆ นอกจากสงครามเอาชนะศึก สหรัฐ ในยุคของทรัมป์เพลี่ยงพล้ำมาก เพราะการขบกันภายในของผู้กำหนดนโยบายและฝ่ายปฏิบัติการของสหรัฐ ทำให้สหรัฐ ต้องยอมให้รัฐบาลปักกิ่ง และเครมลินขยายอิทธิพลไปเรื่อยๆ

ปีหน้านี้จีนจะรุกคืบครอบงำแอฟริกามากกว่านี้ ขณะที่ทะเลจีนใต้จะไม่มีใครกล้าขวางจีน สำหรับรัสเซียยังต่ออายุรัฐบาลซีเรียต่อไปอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความกดดันต่อยุโรปตะวันออกที่จะมีมากขึ้น

กระแสขวาที่กำลังก่อตัวในยุโรป ไม่ใช่แค่เรื่องมโนอคติอีกต่อไป เพราะผู้อพยพจากแอฟริกาเหนือที่มีวิถีปฏิบัติต่างจากคนท้องถิ่นเดิมอย่างสุดขั้วต้องเอาตัวรอดด้วยการทำทุกท่า บางคนกลายเป็นโจร บางคนเข้าร่วมอุดมการณ์หัวรุนแรงก่อเหตุร้ายแทบทุกสัปดาห์ ทำให้การต่อต้านและเหยียดเชื้อชาตินั้นแลมีเหตุมีผลมากขึ้น

ในปี 2561 จะมีนักการเมืองนิยมขวาในยุโรปเข้าสภามากขึ้น การประท้วงต่อต้านคนต่างเชื้อชาติศาสนาจะนำไปสู่ความแตกแยกอย่างรุนแรงของสังคม ฉุดรั้งการอยู่ร่วมกันและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

สงครามในยุโรปอาจยังเรื้อรังอยู่ที่เดียวคือ ยูเครน แต่ที่แอฟริกาและตะวันออกกลางยังมีอีกหลายที่ กลุ่มก่อการร้ายไอเอสมีโอกาสที่จะเสียที่มั่นหลักทั้งหมดในปีนี้ แต่พวกเขาก็ยังมีขีดความสามารถเป็นกองโจรได้อีกนาน  

ส่วนพวกที่อยู่ในแอฟริกาเหนือ ไนจีเรีย โซมาเลียหรืออัฟกานิสถานยังอยู่กันครบ ขณะที่การสู้รบในเยเมน และซูดานล้วนแต่ไม่คลี่คลาย การที่ประเทศและองค์กรยักษ์ใหญ่นอกภูมิภาคสนใจแก้ปัญหาภายในของตนเองมากขึ้น ทำให้แอกไปตกอยู่กับประเทศใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งไนจีเรีย ซาอุดีอาระเบียหรือตุรกียังขาดความความสามารถเพียงพอ

ขณะที่จีนเดินหน้าสยายปีกในแปซิฟิก จนเพื่อนบ้านอาเซียนไม่กล้าหือ ญี่ปุ่นก็ลุกขึ้นมาเอียงขวาอย่างมั่นคง 

รัฐธรรมนูญมาตรา 9 จะแก้หรือไม่ไม่สำคัญ เพราะตีความใหม่ไปแล้ว ปี 2561 ญี่ปุ่นจะยิ่งขยายบทบาททางการทหาร ทำให้ประเด็นทาเกชิม่า และเซนกากุร้อนแรงขึ้นมาอีก ที่เข้ามาในแปซิฟิกอย่างเงียบๆ คือ อินเดีย และรัสเซีย เราน่าจะได้เห็นข้อตกลงทางทหาร การฝึกร่วมผสมและการซื้อหาอาวุธจากสมาชิกชาติอาเซียนต่อ 2 ชาตินี้มากขึ้น

 ความใกล้ชิดของชาติ 2 ฝั่งมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกนั้นเพิ่มบทบาทให้กับอาเซียนที่มีที่ตั้งระหว่างกลางพอดี

แต่อาเซียนก็มีปัญหาของตนที่ยังแก้ไขไม่ตก คือปัญหาภายในรัฐยะไข่เมียนมา แม้ว่าการสกัดกั้นผู้อพยพทางเรือจะได้ผล แต่ผู้อพยพชายแดนยังไม่น่ากลับประเทศได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับชาติตะวันตกและโลกอิสลามที่ไม่ดีขึ้น ทำให้จีนกลับมามีอิทธิพลสูงต่อเมียนมาอีกครั้ง 

ความตึงเครียดระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมในที่อื่นของเอเชียที่ทุกฝ่ายกลัวว่าจะบานปลายนั้นน่าจะยังไม่รุนแรงมากนักในปี 2561 เพราะอาเซียนยังไม่ถึงกับแตกกันแม้ว่าในบางเรื่องมาเลเซียกับกัมพูชาคิดนอกกลุ่มไปบ้าง

ความร่วมมือของมาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในการร่วมมือสกัดกั้นพวกหัวรุนแรงอย่างเต็มที่จะครอบคลุมไพศาลไปกว่านี้ มีการปฏิบัติการเชิงรุกเล่นงานพวกนี้ก่อนกลายพันธุ์เป็นนักก่อการร้ายสุดขั้ว ผลคืออาจเกิดเหตุร้ายที่มาจากการหลุดรอดมาตรการรักษาความปลอดภัยได้บ้างก็จริง แต่การกวาดล้างเครือข่ายครั้งใหญ่อย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดโอกาสยึดทั้งเมืองแบบมาราวียากขึ้น

ภัยคุกคามทางไซเบอร์จะน่าวิตกขึ้น เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางเดียวที่ต่างฝ่ายจะลอบโจมตีกันอย่างยากจะเอาผิด การทำสงครามประเภทนี้ไม่ยากกระไร แค่แฮกเกอร์ไม่กี่คนก็อาจดับไฟได้ครึ่งเมืองแค่ปลายนิ้ว 

เทคโนโลยีที่พยายามพ่วงเชื่อมกับขีดความสามารถในอวกาศทำให้การแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศทางสงครามดิจิทัลยิ่งรุนแรง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจหรือโทสะที่ไม่ทันได้ควบคุมของคนบางคนอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงข้ามโลกได้