“วิจัยภัยพิบัติ” เพื่อการเรียนรู้ – อยู่รอดของชุมชน

“วิจัยภัยพิบัติ” เพื่อการเรียนรู้ – อยู่รอดของชุมชน

ปัญหาอุทกภัยยังเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นทุกปีในประเทศไทย แม้ภาครัฐจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา แต่บทเรียนที่ผ่านมาพบว่าไม่สามารถป้องกันได้ตามแผน

องค์ประกอบสำคัญที่ขาดหายไป คือ ความรู้ บทบาทและทักษะที่ชุมชนควรได้รับการพัฒนา เพื่อที่จะสามารถตอบสนองต่อภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานดำเนินงานวิจัยในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อถอดเป็นบทเรียนให้ชุมชนได้มีความรู้ และทักษะที่จะเผชิญภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดซ้ำขึ้นอีก 

เมื่อปี 2557 สวรส. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนทุนวิจัย โครงการเรียนรู้อยู่กับภัยพิบัติ: นิเวศวัฒนธรรม สื่อ รัฐ กับพลวัตชุมชน ศึกษาประสบการณ์ และการจัดการรับมือภัยพิบัติของชุมชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) 8 แห่ง ได้แก่ นครศรีธรรมราช พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อยุธยา นครปฐม สงขลา และภูเก็ต  โดยความรู้ที่ได้จากการศึกษาสามารถนำไปสื่อสารและขยายผลให้มีการดำเนินงานในพื้นที่ชุมชนอื่นๆต่อไป

ทีมงานวิจัยภายใต้การนำของนพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ หัวหน้าโครงการเรียนรู้อยู่กับภัยพิบัติ: นิเวศวัฒนธรรม สื่อ รัฐ กับพลวัตชุมชน  จากสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการผสมผสานการศึกษาเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ร่วมกับชุมชนที่เผชิญกับภัยพิบัติจ ากน้ำท่วมซ้ำซาก หรือมีความเสี่ยงเกิดซ้ำในพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้ง 8 แห่ง 

“วิจัยภัยพิบัติ” เพื่อการเรียนรู้ – อยู่รอดของชุมชน

โครงการนี้ให้ความสำคัญกับ นิเวศวัฒนธรรมชุมชน ที่หมายถึงชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานในระบบนิเวศหนึ่งๆ ย่อมมีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในสภาพแวดล้อมนั้นๆ จนตกผลึกเป็นแบบแผนทางวัฒนธรรมชุมชน และสามารถดำรงอยู่ในระบบนิเวศฯ ได้อย่างกลมกลืน เพราะชุมชนเป็นคนกลุ่มแรกที่เผชิญหน้ากับภัยพิบัติ 

การศึกษานี้จึงเป็นการศึกษาจากมุมมองของคนในชุมชน เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ชุมชนในบริบทที่มีความหลากหลายมาเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ

ทีมงานได้เริ่มต้นจากการทำฐานข้อมูลชุมชนกับภัยพิบัติในทุกมิติของพื้นที่ มีการนำคำบอกเล่า และประสบการณ์คนในชุมชนมาวิเคราะห์ โดยมีเครื่องมือภัยพิบัติชุมชน 9 ชิ้น  ที่พัฒนามาจากเครื่องมือ 7 ชิ้น มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยมองปรากฏการณ์ 

เครื่องมือแต่ละชิ้น จะมีจุดเด่นที่สามารถเข้าถึง และค้นหาความเข้าใจในแต่ละมิติภัยพิบัติของชุมชน  ประกอบไปด้วย 

1) ผังประวัติศาสตร์ภัยพิบัติชุมชน เป็นการรวบรวมเหตุการณ์ภัยพิบัติด้วยแผนผัง อาศัยข้อมูลจากคนในชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์เงื่อนไขที่ส่งผลต่อการเพิ่ม หรือลดความเสียหายอย่างเป็นเหตุเป็นผลในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้ชุมชนสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงในพื้นที่ และยังแสดงให้เห็นว่าภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องไกลตัว

2) แผนที่ชุมชนรับมือภัยพิบัติ แผนที่มีชีวิต ่เกิดจากการเดินดินสำรวจชุมชนระบุตำแหน่งสถานที่สำคัญ พื้นที่ความเสี่ยง และกลุ่มเปราะบาง การทำแผนที่ส่งผลให้ชุมชนเข้าใจมิติกายภาพและความสัมพันธ์ในชุมชน

3) ผังเครือญาติ  การใช้สัญลักษณ์แสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในระบบเครือญาติหนึ่งๆ

4) ผังเครือข่ายและองค์กรชุมชน เครื่องมือช่วยให้มองเห็นความหลากหลาย เข้าใจเครือข่าย และองค์กรทั้งแบบทางการ และไม่ทางการ  เป็นทุนทางสังคมที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาชุมชนได้อย่างไรบ้าง

5) ระบบสื่อสารชุมชน เป็นเครื่องมือรวบรวมช่องทางการสื่อสาร ที่จะช่วยให้ชุมชนบริหารการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับงานภัยพิบัติ เช่น ระบบแจ้งภัย เตือนภัย

6) ตารางทุนชุมชน เพราะเชื่อว่าชุมชนไม่ใช่ภาชนะว่าง จึงมีการสำรวจศักยภาพ เพื่อดึงขีดความสามารถออกมาประยุกต์ใช้ต่อการรับมือภัยพิบัติ เช่น ความรู้ภูมิปัญญา องค์กรชุมชน เครือข่ายชุมชน

7) ปฏิทินชุมชน ปฏิทินภัยพิบัติ เป็นเครื่องมือรวบรวมข้อมูลกิจกรรม เหตุการณ์ เช่น ประเพณีชุมชน วันสำคัญ ช่วงที่เคยเกิดภัยธรรมชาติ เพื่อการวางแผนและประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า

8) ระบบสุขภาพและการแพทย์ฉุกเฉิน ข้อมูลสุขภาพชุมชนในสถานการณ์ปกติและฉุกเฉิน เช่น บุคลากร หน่วยบริการ ระบบส่งต่อผู้บาดเจ็บ เครื่องมือทางการแพทย์ ยา ช่องทางติดต่อ มีความสำคัญในการดูแลกลุ่มเปราะบางช่วงสถานการณ์ภัยพิบัติ 

9) เรื่องเล่าภัยพิบัติ รวบรวมประสบการณ์ การเผชิญภัยพิบัติ เรื่องราวการร่วมมือของชุมชน ฯลฯ

“วิจัยภัยพิบัติ” เพื่อการเรียนรู้ – อยู่รอดของชุมชน

ยกตัวอย่าง กรณีพื้นที่ศึกษาชุมชนบ้านวังตลับ และทรายเพชร ต.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มติดริมแม่น้ำตาปี เกิดน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ทีมวิจัยสนับสนุนให้ชุมชนจัดทำฐานข้อมูล ทำให้เห็นการจัดการภัยพิบัติของชุมชนที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 มีความสอดคล้องกับองค์ประกอบของเครื่องมือภัยพิบัติชุมชน เช่น ชุมชนมีการจัดทำฐานข้อมูล และแผนที่เดินดินฉบับชุมชน  ปรับปรุงจากแผนที่ของ รพ.สต.ถ้ำพรรณรา  เพิ่มเติมข้อมูลจำเป็นพื้นฐาน เช่น ระบุบ้านประชากรกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ เพื่อการให้ความช่วยเหลือ และกำหนดเส้นทางอพยพ 

โดยสำรวจข้อมูลจากผู้นำชุมชน อสส. และนำมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการให้ความช่วยเหลือ เช่น ถนนเส้นทางใดเอาเรือเข้าไปได้ เส้นทางใดยากลำบาก หรือการเตรียมแผนอพยพ ในสภาวะน้ำท่วม ซึ่งเรือ และเสื้อชูชีพนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้อพยพผู้คนในครัวเรือน จึงมีการเสนอและผลักดันให้ท้องถิ่นจัดหาเรือ และเสื้อชูชีพแก่ชุมชนในทุกหลังคาเรือน รวมทั้งมีการเตือนภัย และกู้ชีพ เช่น การสร้างทีมกู้ภัยกู้ชีพ โดยส่งตัวแทนชาวบ้านเข้ารับการอบรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น การเคลื่อนย้ายคนบาดเจ็บในพื้นที่น้ำหลากและบนบก การใช้เรือ การใช้เชือกและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายต่างๆ ตลอดจนการใช้วิทยุสื่อสาร ในการรับข่าวสารแจ้งเตือนภัยจากทางจังหวัด

จะเห็นว่าเครื่องมือภัยพิบัติชุมชนได้ช่วยให้เกิดการรู้ นิเวศวัฒนธรรมชุมชนมิติต่างๆ ทั้งการรู้ประวัติศาสตร์ รู้คน รู้ชุมชน รู้พื้นที่กายภาพ 

กระบวนการที่มีการเริ่มต้นจากข้อมูลเหล่านี้ เอื้ออำนวยให้เกิดการเรียนรู้ และการจัดการความรู้ภายในชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน 

ถึงวันนี้ชุมชนบ้านวังตลับและทรายเพชร ต.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช มีแผนรองรับภัยพิบัติฉบับชุมชน และได้กลายเป็นบทเรียนจากท้องถิ่นให้พื้นที่อื่นๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันต่อไป

โครงการเรียนรู้อยู่กับภัยพิบัติ: นิเวศวัฒนธรรม สื่อ รัฐ กับพลวัตชุมชน ได้มีการศึกษาต่อเนื่องเป็นโครงการระยะที่ 2 ที่อยู่ระหว่างการศึกษาในปี 2560 โดยศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องภัยแล้ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และไฟป่า ในพื้นที่แตกต่างกัน เพื่อเปิดมุมมองต่อการจัดการภัยพิบัติของชุมชนคนในพื้นที่ สร้างองค์ความรู้ให้เกิดความเข้าใจปรากฎการณ์ และเกิดวิธีการจัดการต่อประเด็นภัยพิบัติ ที่อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้การจัดการภัยพิบัตินั้นมีความเหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่ต่อไป

 โดย...  ศุภฑิต สนธินุช

หน่วยสื่อสารความรู้ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)