“Toon Effect”  ปรากฏการณ์ “ก้าวคนละก้าว”

“Toon Effect”  ปรากฏการณ์ “ก้าวคนละก้าว”

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน ดิฉันเชื่อว่าวินาทีนี้ ประเทศไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อ “อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม”

หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า “พี่ตูน” กับโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่ดินฉันขอจัดอันดับให้เป็นแคมเปญการกุศลแห่งปี 2017 เลยค่ะ

ปรากฏการณ์ “ก้าวคนละก้าว”ไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่คนบางกลุ่มที่ชื่นชอบในผลงานเพลงของ “ตูน บอดี้สแลม” อีกต่อไป แต่วันนี้คนทั้งประเทศกำลังติดตามและเอาใจช่วยให้ภารกิจอันท้าทาย ในการวิ่งจากเบตงไปแม่สายรวมเป็นระยะทาง 2,191 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 55 วัน (ตั้งแต่ 1 พ.ย. – 25 ธ.ค.) นั้นสำเร็จลุล่วง และสามารถระดมเงินบริจาคที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 700 ล้านบาทเพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลศูนย์ตามภูมิภาคต่างๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์จำนวน 11 แห่งทั่วประเทศ

ณ วันที่เขียนต้นฉบับนี้ คุณตูนได้ออกวิ่งมาเกินครึ่งทางแล้วกว่า 1,300 กิโลเมตร และเงินบริจาคทะลุเกิน 550 ล้านบาทแล้วและแม้ยังไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้หรือไม่ ทั้งการวิ่งไปให้ถึงแม่สายอย่างราบรื่นรวมถึงยอดเงินบริจาคหลังจบโครงการ (ซึ่งก็นับว่าใกล้เป้าหมายมากแล้ว) แต่ที่แน่ๆ โครงการนี้ถือว่าเป็น “Social movement”  หรือการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดโครงการหนึ่งในบ้านเรา ดิฉันจึงขอลองวิเคราะห์ปรากฏการณ์ “ก้าวคนละก้าว” ว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้แคมเปญดังกล่าวประสบความสำเร็จสูงขนาดนี้ค่ะ

  1. Star Power แน่นอนว่าคุณตูนสามารถใช้ชื่อเสียงที่ตนเองมีได้อย่างถูกจุดและเกิดประโยชน์ ด้วยการเป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมทุน โดยเริ่มจากการวิ่งเพื่อบริจาคให้แก่โรงพยาบาลบางสะพานในปีที่แล้ว ต่อยอดจนมาเป็นโรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งในปีนี้ รวมถึงยังแรงสนับสนุนจากเพื่อนศิลปิน ดารา นักร้องอีกมากมาย มาร่วมวิ่งและช่วยกันบอกต่อ และยังมีแรงเชียร์จากคนมีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ (กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็ยังร่วมสนับสนุนโครงการ)ทำให้เรื่องที่เป็นปัญหาเรื้อรังในสังคม ได้รับความสนใจและเกิดการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้นทั้งจากสื่อมวลชนและคนทั่วไป
  2. Tell a story คุณตูนให้เหตุผลของการระดมเงินบริจาคให้โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งครั้งนี้ว่า โรงพยาบาลศูนย์ตั้งอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ตามจุดยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลขนาดเล็กไม่สามารถรักษาได้ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางมารักษาในกรุงเทพแต่ปัจจุบันโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศต้องรับภาระหนักในการรับผู้ป่วยหลายพันคนต่อวัน ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ และยังขาดทุนทรัพย์อีกเป็นจำนวนมาก การช่วยเหลือโรงพยาบาลศูนย์จึงนับว่าเกิดประสิทธิภาพสูงสุด การบอกเรื่องราวและที่มาอย่างชัดเจนและมีเหตุผลที่ดีรองรับเช่นนี้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หลายภาคส่วนหันมาสนับสนุนโครงการนี้
  3. Engage with supporters นอกเหนือไปจากเงินบริจาคแล้ว อีกความคาดหวังของคุณตูนคือ “อยากเห็นคนไทยหันมากำลังกายกันมากขึ้นเพราะเมื่อทุกคนมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยก็จะเป็นการลดการใช้บริการสถานพยาบาลต่างๆ” และยังทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยการวิ่ง วิ่ง และวิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าในในทุกที่ ทุกชุมชนที่เขาวิ่งผ่าน จึงมีคนจำนวนมากออกมารอรับ และได้รับการสนับสนุนจากคนทุกระดับตั้งแต่เด็กตัวน้อยไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่ที่ออกมาเชียร์เป็นกำลังใจอยู่ริมถนน ไปจนถึงห้างร้าน บริษัท สมาคม ธุรกิจน้อยใหญ่ เรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจให้คนลุกขึ้นมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งจนฮิตเป็นกระแสไปทั่วประเทศ
  4. Clear Call-to-action คุณตูนและทีมงานก้าวคนละก้าวมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการระดมทุน โดยมีความเชื่อว่า ถ้าคนไทย 70 ล้านคน บริจาคให้กับโครงการ “เพียงคนละ 10 บาท”เท่านั้น เงิน 700 ล้านบาทก็ไม่ไกลเกินเอื้อม และทุกคนในประเทศไทยสามารถมีส่วนร่วมช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยของเรากันเองได้ง่ายๆ และทำได้จริง เห็นผลจริง ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวเป็น Punch word หรือเป็นคำที่กระตุ้นให้เกิดการ “ลงมือทำ” ไม่ว่าจะเป็นการร่วมบริจาค หรือช่วยกันบอกต่อ ช่วยกันแชร์
  5. Utilize social media ปัจจุบันโซเชียลมีเดียไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป แต่คนทุกเพศทุกวัยล้วนติดตามและแชร์ข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทีมงานก้าวคนละก้าวจึงให้ความสำคัญกับการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียรวมถึงสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยมีการถ่ายทอดสดทางFacebook Live ทุกครั้งที่ออกวิ่ง รวมถึงพูดคุยกับคุณตูนและทีมงานในรูปแบบกันเอง ที่นอกจากจะทำให้ได้มีการสื่อสารสองทางให้ผู้ติดตามได้เข้าใจแนวคิดของโครงการได้มากขึ้นแล้ว การถ่ายทอดสดยังทำให้เห็นบรรยากาศในทุกๆ ที่ที่คุณตูนและทีมงานวิ่งไปถึง ได้เห็นรอยยิ้ม ป้ายข้อความให้กำลังใจจากประชาชนมากมาย หรือแม้แต่วงดนตรีที่เด็กๆ เตรียมเล่นรอต้อนรับ ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับภาพที่เห็นได้ไม่ยากเลย

  ที่ดิฉันว่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เหนือสิ่งอื่นใดคงต้องยกเครดิตให้เต็มๆ กับความมุ่งมั่นของคุณตูนรวมทั้งทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ขับเคลื่อนให้เกิด พลังเชิงบวกให้แก่สังคมได้มากขนาดนี้ค่ะ